โฆษณาบล๊อคใหม่

เย้ สวัสดีค่า ผแผนค่ะ

ก่อนอื่นเลยก็ สวัสดีปีใหม่ไทยกันนะคะทุกท่าน /ไหว้ย่อ

ช่วงนี้ปิดเทอมแล้วก็อยากลองอะไรใหม่ๆดูค่ะ ก็เลยไปทำบล๊อคใหม่ดู นี่ค่ะ

https://shirohanatan.wixsite.com/ppan19

จากที่ได้กดเข้าไปดูแล้ว ติดรหัสใช่มั้ยล่ะคะ.. เดี๋ยวจะใบ้ให้นะคะ

(รู้สึกว่าบอกกันโต้งๆมันก็ไม่รู้จะใส่รหัสไปทำไม ฮา เพราะงั้นก็ขอใบ้โง่ๆหน่อยแล้วกันค่ะ)

17.png

Passwordบล๊อคคือคำสองคำในภาพนี้ค่า 🌻

มีกำหนดแบบตัวใหญ่ตัวเล็กด้วยค่ะ แก้ไม่ได้555 ก็ตัวใหญ่เฉพาะตัวหน้าทั้งสองคำนะคะ

ฟิคที่จะลงต่อจากนี้จะไปลงที่บล๊อคนั้นนะคะ เพราะงั้นบล๊อคในWPก็จะเป็นคลังเก็บของเก่าไป

ใครสนใจติดต่อเราในช่องทางอื่นก็ มีช่องทางให้เลือกดังนี้ค่ะ

Twitter : @PPan_19

Facebook : Ppan๑๙

E-mail : Shirohanatan@gmail.com

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ พบกันในนิวบล๊อคค่า ^v^ )9

[Fic X+Y] Until

FIC X+Y

Title: Until

Rate : Comedy

Pairing : Nathan x Jang Mei

Note : สวัสดีปีใหม่2017ค่ะทุกคน TTwTT ) ผแผนค่า ขอโทษนะคะที่โพสต์แรกของปีนั้นดีเลย์มากๆ55555 พอเปิดปีใหม่แล้วก็ถูกมรสุมอะไรก็ไม่รู้ทะลักมาเต็มเลยค่ะ สภาพใจก็ย่ำแย่ซะ ซึกๆ กว่าจะเข็นงานอะไรสักอย่างออกมาได้ก็เต็มกลืนเหมือนกันนะเนี้ยยย /ปาดเหงื่อ

จริงๆเราดูx+yมานานแล้วล่ะค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมความคิดอยากจะแต่งถึงได้เกิดหลังจากดูThe Space between us ซะงั้น คงเพราะเพิ่งตระหนักได้ว่าบัตเตอฟิลด์จูบสาวนั้นดีงามแค่ไหนล่ะมั้งคะ555555 ดูแล้วกระชุ่มกระชวยแม้เนื้อเรื่องจะดราม่า _(;3 JL )_

เอาละ ถึงช้าไปมากแต่ปีนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะทุกคนน

 

Until

เนธานไม่ค่อยชอบการที่เขาคิดถึงจางเหม่ยบ่อยเกินไป

แต่ที่ไม่ชอบที่สุดก็คือการที่เขากับจางเหม่ยจะไม่ได้อยู่ด้วยกันจนกว่าจางเหม่ยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อังกฤษได้

 

จริงๆแล้วมันก็ไม่นานนัก หลังจากที่ผ่านช่วงคณิตศาสตร์โอลิมปิก— ที่เขาวิ่งออกมาหลังจากเริ่มสอบโดยที่ไม่ทำข้อสอบสักข้อนั่นแหละ พวกเขาสองคนก็โดนสวดยับ โดนจับแยก แทบจะไม่ยอมให้ติดต่อกัน

แต่จางเหม่ยเป็นผู้หญิงที่ฉลาด รู้ทันผู้ใหญ่ทุกคนในตระกูลตัวเอง ท้ายที่สุดพวกเขาก็มีช่องทางติดต่อกันทุกทาง ไม่ว่าจะเฟสบุ๊ค ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทร

เรื่องราวจบลงเวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบจะหนึ่งปีอยู่แล้ว เนธานชอบคุยสไกป์กับจางเหม่ย มันช่วยลดความคิดถึงที่เขามีต่อหญิงสาวลงไปบ้างแต่ก็ไม่สามารถลดความรู้สึกอยากสัมผัสแตะต้องตัวของเด็กชายวัยแตกหนุ่มได้อยู่ดี

 

และการคิดถึงใครสักคนมากเกินไปค่อนข้างจะเป็นปัญหาต่อระบบความคิดของเขามาก มากพอสมควร

 

“เนธาน เหม่ออะไรน่ะลูก”เสียงของหญิงสาววัยกลางคนดังเข้ามาในโสตประสาตของเขา เนธานดึงสติกลับมาอยู่ที่แซนวิชกับน้ำส้มตรงหน้า เซ็ตอาหารเช้าของเขายังไม่ถูกแตะต้อง แม่จ้องมาที่เขาพร้อมเลิกคิ้วอย่างฉงนใจ “ลูกนั่งนิ่งจ้องอาหารเช้ามา10นาทีแล้วนะ คิดถึงจางเหม่ยอยู่เหรอ”เธอเอ่ยยิ้มๆ

เนธานผงกหัวเล็กน้อยพลางจัดเรียงแซนวิชชิ้นน้อยให้เป็นรูปทรงสวย “..ก็นิดหน่อยฮะ”

แม่หัวเราะในลำคออย่างพอใจ “ยังไงก็เถอะ รีบกินเถอะจ้ะ เดี๋ยวก็ไปสายนะ”

เนธานผงกหัวอีกครั้ง ในหัวมีภาพหญิงสาวชาวจีนคนรักของเขาผุดขึ้นมาเหมือนเมื่อครู่ เด็กหนุ่มพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ปล่อยความคิดไปกับความคิดถึงเธออีก

 

————————————————————————–

“ไงพ่อเด็กเต่า สบายดีนะ”จางเหม่ยโบกมือทักทายในชุดลำลอง เป็นเดรสสีขาวยาวตัวโปรดที่เข้ากับผมสีดำยาวประบ่าเป็นอย่างดี ในอ้อมกอดเธอมีตุ๊กตาแพนด้าไซส์เท่าเด็กทารก

“สบายดี เธอล่ะ”เนธานยิ้มน้อยๆให้คนในหน้าจอ จางเหม่ยตอบอย่างร่าเริงว่าสบายดี ถึงจะมีพายุเข้าแต่ก็เย็นสบายดีใช้ได้ เด็กหนุ่มยกยิ้มให้กับความสดใสของเธอ

วันนี้เป็นวันหยุด เนธานตื่นมาแต่เช้าตรู่ รีบมาเช็คข้อความในสไกป์จากจางเหม่ย เธอรู้เวลานัดของพวกเขาดี

เวลาของจีนเร็วกว่าอังกฤษ8ชั่วโมง ถ้าเนธานตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ซัก6โมงเช้า เขาก็จะได้คุยกับจางเหม่ยที่กำลังทำกิจกรรมยามบ่าย2อยู่ พวกเขาพูดคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ เรื่องโรงเรียน เรื่องหนังสือ เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เรื่องที่อยากจะทำถ้าได้อยู่ด้วยกัน บางจังหวะก็มีเงียบไปบ้าง นอนเหม่อจ้องสายตาของอีกคนหนึ่งที่อยู่อีกฟากฝั่งของหน้าจอบ้าง เอาการบ้านมาถามกันบ้าง

โดยรวมก็มีความสุขดี แต่ลึกๆแล้วเนธานอยากเจอจางเหม่ยตัวเป็นๆจับต้องได้เสียมากกว่า

อยากกอดเธอ อยากซบไหล่ อยากสัมผัสผมสีดำยาวนุ่ม อยากสัมผัสริมฝีปากนิ่มนั้นอีกครั้ง

เมื่อก่อนเนธานมักจะครุ่นคิดแต่เรื่องคณิตศาสตร์ แต่เมื่อได้เจอจางเหม่ย ความสำคัญที่เขามีต่อวิชาคำนวณนั้นดูท่าจะตกไปอยู่ที่อันดับสองเสียแล้ว

 

“เนธาน”เสียงนุ่มเอ่ยชื่อเขา เรียกเด็กหนุ่มออกมาจากพวัง

“หืม?”เนธานเอ่ยรับ

“เธอเหม่ออีกแล้วแน่ะ”จางเหม่ยเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ เธอยิ้มตาหยีอย่างน่ารัก ทำเอาเนธานเลิกลั่ก “คิดอะไรอยู่บอกได้มั้ย”

เด็กหนุ่มอึกอักนิดๆ ก่อนจะเอ่ยช้าๆ “…คิดเรื่องเธอ”

ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบหน้าจอสนทนา จางเหม่ยยกยิ้มพร้อมกับดึงตุ๊กตาแพนด้าขึ้นมาปิดหน้าเห่อร้อนของเธอ ส่วนเนธานก็ได้แต่เกาหัวตัวเองแก้เขิน

“คิดว่าหล่อแล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอพ่อเด็กเต่า”เธอกลั้วหัวเราะ เนธานจึงหัวเราะตาม

 

ถึงแม้ว่าจะคิดถึงมากขนาดไหน อยากสัมผัสมากมายขนาดไหนก็ทำได้เพียงแต่เก็บงำความรู้สึกเอาไว้

พลางบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องเป็นห่วงมากจนเกินความจำเป็น

จางเหม่ยรักเขา เหมือนที่เขารักจางเหม่ย และเธอทำให้เขามั่นใจว่าเธอจะไม่มีวันจากเขาไปไหน

เพียงแค่รอไปก่อน รอให้ถึงเวลา

ที่เธอและเขากะกลับเข้าสู่อ้อมกอดของต่างฝ่ายอีกครั้ง แล้วเราจะไม่จากกันไปอีกอย่างแน่นอน

17.jpg

[Fic A Monster Calls]Nice to meet you again

Fic A Monster Calls

Title:Nice to meet you again

Pairing:Conor x Harry

Note:ฮัลโหลลลล๊ วันนี้กลับมาพร้อมภาคต่อของDeep down in your eyesค่าา ปั่นด้วยไฟที่ยังคุกรุ่น กลัวลืมอารมณ์ที่มีให้เรือผีนี้ไปเสียก่อนน่ะค่ะ555 แต่งได้ยาวและสนุกสำหรับเรากว่าพาร์ทแฮร์รี่เยอะเพราะข้อมูลนางน้อย แต่งพาร์ทคอนเนอร์น่าจะสนุกตรงที่ได้มโนเต็มที่และสุดเหวี่ยงน่ะค่ะ ได้เห็นน้องคุกคาม— (ชวอบ)

 

18.png

Nice to meet you again

หลังจากแม่เสีย คอนเนอร์ก็ต้องย้ายมาอยู่กับคุณยายอย่างไม่มีข้อยกเว้น แม้ตอนแรกจะอิดออดและความสัมพันธ์ระหว่างเขากับยายจะกระท่อนกระแท่น แต่พอสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไปพร้อมกัน ยายและคอนเนอร์ก็กลายเป็นคนสำคัญในชีวิตของกันและกัน

ยายตัดสินใจส่งคอนเนอร์เข้าเรียนศิลปะ ตามเส้นทางฝันที่เขาและแม่ของเขาต้องการแต่ไม่มีโอกาสทำมัน

นั่นเป็นสาเหตุที่คอนเนอร์ต้องออกจากโรงเรียนทันที ครูใหญ่และอาจารย์คนอื่นก็เข้าใจเขาดี

เด็กน้อยได้แต่หวังว่า ชีวิตของเขาต่อจากนี้จะได้พบเรื่องดีๆกับเขาบ้างเสียที

คอนเนอร์เริ่มปรับตัวเข้าหายาย พูดคุยกันตามประสายายหลาน กินมื้อเย็นด้วยกัน ช่วยกันทำความสะอาด ไม่ทำลายข้าวของ เขาพยายามยิ้มบ่อยๆให้ยายได้รู้สึกดี

ทุกวันไปโรงเรียน วาดรูป พบปะผู้คน แม้คอนเนอร์จะมีปัญหากับการพูดคุยกับผู้คนไม่น้อย แต่เด็กหนุ่มก็พยายามสานสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างเต็มที่

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียความสำคัญจะยังคงอยู่ แต่เวลาจะช่วยสมานบาดแผลในหัวใจของคอนเนอร์และยาย อาจจะไม่เร็วมาก แต่สักวันคอนเนอร์ก็จะสามารถยิ้มได้อย่างเบิกบาน เขาเชื่ออย่างนั้น

วันคืนผ่านไป วันเวลาหมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

เด็กน้อยกลายเป็นเด็กหนุ่ม คอนเนอร์ โอมาลลีอายุ16ปีส่วนสูงเพิ่มขึ้นไม่กี่สิบเซ็น ตัวยังคงผอมไม่มีน้ำมีนวล แม้ว่ายายจะขุนขนาดไหนแต่ก็ไม่ได้ผล สาเหตุอาจมาจากการนอนดึกจนสุขภาพเสียติดต่อกันแต่เด็ก นิสัยการพบปะผู้คนไม่ถึงขั้นเลวร้าย แต่ก็ยังเพื่อนน้อยนับด้วยสองมือได้

และเขามีความสุขดี

ใช้ชีวิตวนเวียนระหว่างบ้านยาย โรงเรียน บ้านพ่อในอเมริกาช่วงคริสมาสต์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ไปเวลาจ่ายตลาดกับคุณยาย เรื่อยมาเรื่อยๆ ไปเยี่ยมหลุมศพคุณแม่ที่โบสถ์บ้างบางทีพร้อมกับยืนมองต้นยิวต้นใหญ่

ลึกๆลงไปแล้ว คอนเนอร์รู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง

แต่เขาก็นึกไม่ออกเสียที

 

เช้าวันหนึ่งในฤดูหนาว คอนเนอร์เดินเท้าจากบ้านไปยังโรงเรียนเหมือนทุกวัน หอบของพะรุงพะรังที่เป็นการบ้านดรออิ้งไปส่งอาจารย์ ควันสีขาวลอยฟุ้งในอากาศตามจังหวะหายใจเข้าออก มือที่ไม่ยอมใส่ถุงมือขึ้นสีขาวซีดปลายนิ้วเป็นสีแดงจากการโดนความเย็นกัด

ขณะกำลังเล็มขนมปังไข่ดาวเป็นอาหารเช้าเพราะตื่นสายกินมื้อเช้าที่บ้านไม่ทัน คอนเนอร์รู้สึกเหมือนเห็นคนที่คุ้นตาเดินผ่านกันไปขณะเขากำลังเดินเร็วๆ

คนที่ร่างสูงผอมเพรียว ใบหน้ายียวน จมูกโด่งเป็นสัน เสียงทุ้มที่แตกหนุ่มไวกว่าคนวัยเดียวกัน

เด็กหนุ่มหันหลังไปมอง หากแต่ไม่พบใครที่คิดว่าคุ้นตาอย่างที่ว่าแล้ว

คอนเนอร์หันซ้ายขวารอบตัว เขาเหม่ออยู่พักหนึ่งแล้วก็พึงระลึกขึ้นได้ว่าจะเข้าคลาสสายแล้ว เด็กหนุ่มร่างผอมจึงสาวขายาวๆเดินต่อ

 

คอนเนอร์นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเขาลืมอะไรไป

 

วันนี้ยายเลิกงานช้า และก็ครบกำหนดวันซื้อของเข้าตู้เย็นประจำสัปดาห์แล้ว คอนเนอร์จึงต้องมาซูเปอร์มาร์เก็ตคนเดียวหลังเลิกเรียน เด็กหนุ่มตัวสูงระดับมาตรฐานน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์กำลังหอบของพะรุงพะรัง แขนผอมที่จับแต่ดินสอพู่กันเต็มไปด้วยถุงหูหิ้วจนน่ากลัวว่าจะหัก

คอนเนอร์เดินออกจากแคชเชียร์อย่างทุลักทุเล รองเท้าผ้าใบเดินย่ำไปยังบ้าน ลมหนาวพัดตีหน้าอย่างแรงจนฟันสั่นกระทบกันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมือไม่ว่าง

คอนเนอร์อยากขายาวมากกว่านี้ จะได้เดินไปถึงบ้าน เอาของเข้าตู้เย็น ชงโกโก้อุ่นใส่มาร์ชเมลโล่กินดูทีวีรอมื้อเย็นกับยาย

ไหล่ผอมเดินชนกับร่างสูงของคนที่ยืนอยู่ในลานจอดรถอย่างไม่ตั้งใจ คอนเนอร์เซจนเกือบล้มส่วนอีกคนล้มกระแทกพื้นเพราะไม่ทันตั้งตัว

“เป็นอะไรมากมั้ยครับ”คอนเนอร์ถาม

“เจ็บน่ะสิไอ้บ้า เดินดูทางมั่งมั้ยวะ”เสียงทุ้มเอ่ยตอบ คอนเนอร์รู้สึกว่ามันช่างเป็นเสียงที่คุ้นหูอย่างน่าฉงน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร “จะยืนค้ำหัวอีกนานมั้ย ดึงฉันขึ้น!”

ไหล่ผอมสั่นนิดๆ เขาตัดสินใจวางถุงซุปเปอร์ลงจากแขนตัวเอง ยื่นมือเย็นที่โดนความหนาวกัดไปจับมืออุ่นในถุงมือกับคนที่นั่งคุดคู้อยู่ข้างล่าง แล้วคอนเนอร์ก็คลายความฉงนของเขาได้ทันใดเมื่ออีกคนยืนเต็มความสูง

ใบหน้าที่มักจะยียวนกวนประสาทเขาตลอดเวลา สันกราม จมูก ทรงผม และที่สำคัญ ดวงตาคู่นั้น ทั้งหมดนี้คือแฮร์รี่ และไม่ได้เปลี่ยนไปเลย นอกจากส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยให้เขาดูผอมเพรียวหุ่นดีดูภูมิฐานมากขึ้น

“แฮร์รี่?/โอมาลลี?”ทั้งสองเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจประสานกัน

พริบตาที่ดวงตาทั้งสองประสานกัน เรื่องราวเก่าๆก็หวนกลับคืนมา

ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน คือตอนที่คอนเนอร์ต่อยแฮร์รี่ที่โรงอาหาร เป็นความทรงจำที่ไม่น่าจดจำสักนิด

ตอนแรกคอนเนอร์คิดว่าแฮร์รี่คงจะกระชากคอเสื้อเขามาต่อยหรือมองด้วยสายตาเหยียดๆ พูดจาร้ายกาจใส่แบบทุกครั้ง แต่ที่แฮร์รี่ทำก็แค่ มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดว่า “เอ่อ… ไง”

คอนเนอร์นิ่งไปแว้บหนึ่ง “ไง แฮร์รี่”

แล้วทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบ คอนเนอร์ก้มต่ำมองรองเท้าผ้าใบ มือคว้าไปหยิบเอาถุงซุปเปอร์มาถือไว้ดังเดิม “ท โทษทีที่ชนนายนะ ชั้น.. เอ่อ ขอตัว”

แฮร์รี่ทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มอึกอักเล็กน้อยแต่ก็โบกมือนิดๆ “อ เอ้อ บาย โอมาลลี”

คอนเนอร์สาวเท้าเร็วจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ตรงดิ่งไปยังบ้านของเขา

อาจจะเพราะเหนื่อย หรือเพราะอากาศหนาวก็ไม่ทราบ แต่แก้มและใบหูของเขาขึ้นสีแดงผ่าวไปทั่วทั้งหน้า

แต่คอนเนอร์รู้ ว่าเขากำลังเขินอาย

และสาเหตุก็มาจากดวงตาคู่สวยของแฮร์รี่นั้นเอง

 

คอนเนอร์ไม่เคยคิดเลย ว่าเขาจะมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชาย

พูดให้ถูกคือ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้ต่อใครมาก่อน

และไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ว่าทำไมถึงเป็นแฮร์รี่

ไม่ๆๆ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ว่ารักหรืออะไรเทือกนั้น ต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน

คอนเนอร์มั่นใจว่ามันค่อนข้างจะออกไปทางลุ่มหลงเสียมากกว่า ก็แฮร์รี่น่ะหน้าตาดีมาแต่ไหนแต่ไร มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ดวงตาก็สวย ถึงนิสัยจะเสียก็เถอะ

 

คืนนั้นที่พบแฮร์รี่ คอนเนอร์ฝันถึงเรื่องเก่าๆของพวกเขาสองคน

การทะเลาะวิวาท การจ้องตา การระเบิดอารมณ์ มันค่อนข้างจะเป็นฝันร้ายจนเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาตอนดึก แต่ถึงจะเป็นฝันร้าย แต่เขาก็รู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นระส่ำเมื่อนึกถึงดวงตาและใบหน้าของแฮร์รี่ที่เข้ามาใกล้ในความฝัน

เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงไปนอนแรงๆ ถอนหายใจพรืด ยกมือกุมหน้าตัวเองพร้อมนวดหว่างคิ้ว

“..หน้าตาดีจริงๆนั่นแหละ”

 

อยากเจออีกจัง

 

จะว่าไปแล้ว ยังไม่ได้ขอโทษเลยนี่นา

 

ม่านตาเบิกกว้างขึ้นนิดๆเมื่อนึกประโยคเมื่อครู่ขึ้นมาได้ นึกย้อนไปถึงครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ในโรงอาหาร

สัมผัสของหมัดลุ่นๆที่โดนใบหน้าหล่อของแฮร์รี่ย้อนกลับเข้าในหัวของเด็กหนุ่ม เขารู้สึกตากระตุก กุมมือตัวเองแล้วลูบมัน ร่องรอยแผลถลอกจากตอนนั้นหายไปแล้ว แต่สัมผัสยังไม่จางหายไปไหน

เช่นเดียวกับสัมผัสที่แม่เคยกอดเขา

คอนเนอร์งอตัวเป็นกุ้ง กอดตัวเองนอนจนผล็อยหลับไป ตื่นมาพบกับอาการปวดหลังจากท่านอน

 

“หลานควรพักผ่อนให้เยอะๆหน่อยนะ จะได้โตสมวัย”ยายบ่นเรื่องเดิมเป็นรอบที่ล้านบนโต๊ะอาหารขณะกินมื้อเช้า คอนเนอร์นั่งลงบนเก้าอี้หลังทำแพนเค้กของตัวเองเสร็จ เขาสั่นหัวเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วใส่นมขึ้นดื่ม

“ทำไงได้ล่ะฮะ”หญิงแก่ฟังแล้วส่ายหัวไปมา

“ยายรู้หรอกนะว่าถึงยายจะบอกเรื่องนี้กี่รอบๆเธอก็ไม่สนหรอก”เธอเอ่ยขณะหยิบน้ำผึ้งราดใส่แพนเค้กเพิ่ม “แค่ดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ ยายไม่หวังอะไรมากกว่านี้”

คอนเนอร์ยิ้มให้เธอนิดๆผงกหัวตอบรับให้ชื่นใจโดยไม่พูดถึงสาเหตุของอาการนอนน้อยของเขา

“เอ้อ ยายฮะ”

“อะไรฮึ”

“ถ้าจะกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าเนี่ย จะว่าอะไรมั้ยฮะ”

หญิงแก่เงยหน้ามองหลานชายด้วยสีหน้าประหลาดใจและสงสัย “มีอะไรให้อยากกลับไปล่ะ ไม่เห็นเธอพูดถึงโรงเรียนเก่านานแล้วนะ”

คอนเนอร์ยักไหล่ผอมของตน ในหัวนึกถึงแฮร์รี่ “เปล่าฮะ แค่อยากไปเฉยๆ”

หญิงแก่ไม่พูดอะไรต่อ แค่ผงกหัวรับก่อนจะลุกเอาจานไปเก็บ “จะไปวันไหนล่ะ ให้ไปส่งมั้ย”

เด็กหนุ่มสั่นหัว “ไม่เป็นไรฮะ น่าจะไปหลังจากเรียนเสร็จวันนี้แหละ เดินไปก็ได้”

วันนี้คอนเนอร์เลิกเรียนตอนบ่ายสาม เขาเดินเท้าไปโรงเรียนเก่าอย่างไม่เร่งรีบมากพร้อมกับแผ่นกระดาน กระดาษ จานสีหอบหิ้วไปมาอย่างพะรุงพะรังเพราะกระเป๋าพื้นที่ไม่พออีกแล้ว ใช้เวลาร่วมชั่วโมง เดินจนขาแข็งและปวดเท้า ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงจุดหมาย

เป็นเวลาเลิกเรียนสากลที่กำหนดไว้ เด็กหลายคนทยอยกลับบ้าน บางส่วนอยู่ทำกิจกรรมชมรมหรืออาจมีสอบแก้คะแนน คอนเนอร์ตัดสินใจเดินไปทักทายอาจารย์ก่อนเนื่องจากไร้จุดหมายจะไป ซึ่งเพราะเรื่องเก่าๆสมัยที่แม่ยังป่วย อาจารย์ส่วนใหญ่รู้จักและค่อนข้างเอ็นดูคอนเนอร์ ก่อนที่เขาจะเริ่มมีนิสัยค่อนข้างหัวรุนแรงในช่วงใกล้ออกจากโรงเรียนก็ทำหลายคนเอืมระอาไปเยอะเหมือนกัน

การกลับมาเยี่ยมโรงเรียนทำให้อาจารย์หลายคนรู้สึกดีที่เห็นเด็กหนุ่มมีชีวิตชีวาและโตมากขึ้น เขาได้รับขนมมาประมาณนึงพร้อมกับคำแนะนำด้านอาหาร คอนเนอร์ยิ้มเล็กน้อยและผงกหัวตามปกติ สักพักก็ขอตัวไปเดินดูโรงเรียน

คอนเนอร์เลือกเดินไปในอาคารเรียนเก่าของเขาก่อน หลังจากขอตัวออกมาสักพัก เด็กหนุ่มเริ่มคิดว่าคนที่เขาตามหาอยู่ที่ไหน

คนอย่างแฮร์รี่ไม่น่าจะชอบกีฬา แต่ถ้าเล่นแล้วป๊อป เขาก็คงไม่ปฏิเสธ

ขาผอมก้าวไปสนามบาสอย่างไม่ต้องคิดอะไรอีกมาก เมื่อเขาไปถึงและพบแฮร์รี่ยืนอยู่ในสนาม เด็กหนุ่มอดชมตัวเองในใจเบาๆไม่ได้

เป้าหมายของการมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าถูกพบแล้ว คอนเนอร์ไม่จำเป็นต้องเดินไปไหนต่อ เขายืนอยู่ข้างประตูโรงยิมจ้องมองการซ้อมแข่งของทีมอะไรสักอย่างกับทีมโรงเรียน

ใบหน้าของแฮร์รี่หล่อเหลา และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าดูดีมากเมื่อดูโชกเหงื่ออย่างนั้น หนำซ้ำชุดนักบาสที่ใส่ดันเป็นเสื้อกล้ามกว้างพร้อมกางเกงขายาว คอนเนอร์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเกย์ขึ้นมาเมื่อเห็นภาพนั้น ดูดี ดูดีราวกับภาพวาด งดงามจริงๆ

เหมือนแฮร์รี่จะไม่ลืมการละเล่นเก่าของพวกเขาสองคน ขณะที่เด็กหนุ่มวิ่งตามลูกและคอนเนอร์จ้องมองเขาไม่ละสายตา สายตาที่ควรจับจ้องอยู่ที่ลูกบาสกลับหันขวับมาประสานกันกับดวงตาของคอนเนอร์

เด็กหนุ่มตัวผอมตกใจ พอๆกับนักบาสโรงเรียนหน้าหล่อ เขาโดนสกัดขาแย่งลูกไปจนทำให้ทรงตัวไม่อยู่ แฮร์รี่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับเสียงนกหวีดแจ้งฟาวล์ ไม่นานเขาก็โดนหิ้วมานั่งข้างสนามพร้อมน้ำแข็งประคบข้อเท้า คอนเนอร์รู้สึกหน้าชากับเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกิดอย่างรวดเร็วและตัวการที่ทำให้แฮร์รี่เป็นเช่นนั้นคือเขาเอง

จะมาขอโทษเค้า ดันทำให้เค้าเจ็บตัวเสียนี่…. ถึงจะไม่ได้จงใจและไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไปตรงไหน แต่ก็มั่นใจว่าทำผิดแน่ๆ

เด็กหนุ่มร่างผอมค่อยๆเดินเข้าไปที่ม้านั่งนักกีฬา รอบข้างแสตนด์เชียร์มีสาวๆห้อมล้อมจ้องมองมายังแฮร์รี่ที่บาดเจ็บแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะจะเป็นการรบกวนการแข่ง คอนเนอร์ว่าเขาเห็นบางคนแทบจะปีนลงมาจากแสตนด์ชั้นสูงๆ แต่จะทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน

แฮร์รี่กัดปากไม่ให้เสียงเล็ดรอดออกมา เอาขาข้างที่เจ็บวางบนเข่าอีกข้าง มือจับถุงน้ำแข็งที่ประคบเท้าตัวเองไว้ ผมเปียกเหงื่อเล็กน้อย คอนเนอร์ใจเต้นเมื่อเห็นภาพนั้น บ้าเอ๊ย คนอะไรทำอะไรก็มีผลกับใจเขาไปซะหมด รีบๆขอโทษเรื่องเก่าๆแล้วรีบกลับ ไม่ต้องเจอกันอีกเลย เขาไม่ชอบการที่ต้องใจเต้นกับผู้ชายบ่อยๆหรอกนะ

“..ฮ เฮ้ แฮร์รี่”เด็กหนุ่มร่างผอมเอ่ย ยกมือขึ้นโบกเล็กน้อยเป็นการทักทาย

แฮร์รี่ละสายตาออกจากข้อเท้าที่บวมแดง เมื่อพบว่าเจ้าของเสียงเรียกคือคอนเนอร์ แฮร์รี่ขมวดคิ้วมุ่นใส่เขาก่อนเอ่ยเสียงแข็ง “ไง โอมาลลี”

“….นั่น ล้มแรงน่าดูนะ”เขาเกาหัว

“เออ ชั้นโง่เองแหละที่ดันละสายตาจากลูกบอล”คนตัวสูงเอ่ย ขยับที่ให้อีกคนมีที่นั่งเป็นการเชิญคอนเนอร์มานั่งข้างๆ คนตัวผอมอึกอักปนงงงวยนิดๆแต่ก็นั่งลงแต่โดยดี “เพราะใครก็ไม่รู้”

จู่ๆคอนเนอร์ก็เสียวสันหลังวาบ เขาหัวเราะแห้งทั้งๆที่ไม่อยากหัวเราะสักนิด “เอ้อคือ วันนี้ฉันมาเยี่ยมโรงเรียนน่ะ”

“เหรอ ว่าไปแล้วนายไปเรียนอยู่ที่ไหนน่ะตอนนี้”

“โรงเรียนศิลปะน่ะ อยู่ห่างจากที่นี่ไกลพอสมควร แถมใช้รถบัสคนละสาย”

“ฉันกับนายเลยไม่ได้เจอกันเลยสินะ”

เอ๊ะ คอนเนอร์คิ้วกระตุก

อยากเจอเหรอ

แน่นอนว่าเขาไม่พูดออกไป “…จริงๆแล้วคือ ฉันมานี่เพื่อ”

เสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น ทีมโรงเรียนชนะ แฮร์รี่ลุกขึ้นเดินกะเผลกไปจับมือกับทีมคู่แข่งและเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนลุกออกไปดวงตาคู่สวยและใบหน้างามหันมาทางเขา ก่อนจะเอ่ย

“รออยู่นี่ ฉันจะกลับมาคุยด้วย อย่าหนีหางจุกตูดไปซะล่ะ”

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง แฮร์รี่เดินกลับมาในชุดนักเรียนม.ปลายพร้อมไม้ค้ำและกระเป๋านักเรียน ขายาวสาวเข้ามาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เก็บของ ตามมาเร็วๆ” เขาพูดอย่างร้อนรน

“มีอะไรเหรอ?”คอนเนอร์กระชับกระเป๋าและข้าวของทุกอย่างไว้กับตัวเองเตรียมเดินเร็วกับอีกคน “นายรีบไปไหนน่ะ”

“รีบหนีแฟนคลับบ้าคลั่งและพวกเวรที่พยายามประคบประหงมเท้าฉัน ก็บอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ฟังกันสักนิดให้ตาย เร็วสิวะคอนเนอร์!”เสียงทุ้มตวาดคนตัวเตี้ยกว่า คอนเนอร์ผู้กระจ่างชัดแล้วรีบเดินเข้าไปประคองอีกคน แฮร์รี่มีท่าทีฟึดฟัดเล็กน้อยกับการกระทำนั้นแต่ก็ยอมให้เขาประคองไปแต่โดยดี

“แล้วเอ่อ เราไปคุยกันที่ไหนดี”เด็กหนุ่มตัวเตี้ยกว่าถาม

“ไปห้องเรียนฉันแล้วกัน มีของต้องไปเอา”แฮร์รี่ตอบพร้อมชี้ทาง คอนเนอร์พยักหน้ารับ

เด็กหนุ่มสองคนใช้เวลาไม่นานในการประคองร่างกันและกันไปจนถึงห้องเรียนชั้นม.ปลาย แฮร์รี่ผละออกจากคอนเนอร์แทบจะทันทีเมื่อถึงที่หมาย คนตัวเตี้ยถอนหายใจเหนื่อยขณะเดินตามอีกคนเข้าไป

แฮร์รี่เดินค้ำโต๊ะไปเรื่อยๆจนถึงโต๊ะตัวเอง หยิบหนังสือและของจุกจิกของตัวเองออกมาใส่กระเป๋าเป้ที่สะพายมาด้วย คอนเนอร์ยืนห่างจากเขาไม่กี่ช่วงโต๊ะ เหมือนว่าจะเสร็จธุระหลักของแฮร์รี่แล้ว เด็กหนุ่มจึงเริ่มมาสนใจเพื่อนเก่าของตน ร่างสูงดันตัวเองให้นั่งบนโต๊ะแล้ววางขาข้างที่เจ็บบนที่นั่งเพื่อที่จะนวดได้สะดวก “แล้ว นายมาที่นี่เพื่ออะไรไม่ทราบ โอมาลลี”

คอนเนอร์ค่อนข้างตกใจกับการเข้าเรื่องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ตอบไม่เต็มเสียง “พอดีฉัน..เอ้อ ที่ได้เจอนายวันก่อน” มือผอมที่เต็มด้วยคราบสีที่ล้างไม่สะอาดถูกันไปมา “ก็เลย นึกถึงเรื่องสมัยก่อนนิดหน่อย แล้วฉันก็คิดขึ้นได้ว่า.. เรื่องตอนนั้น ฉันอยากขอโทษนาย”

แฮร์รี่หันมามองเขาด้วยสายตาตกตะลึง ริมฝีปากสวยผยอขึ้นด้วยอารามตกใจ “ฮ่า!” เขาร้อง

คอนเนอร์สั่นหัวงุนงงไปแว้บหนึ่งกับท่าทีนั้น แฮร์รี่กลั้วขำปนอารมณ์โกรธเกรี้ยว

“นายรู้มั้ยฉันรอคำนี้มานานเท่าไหร่โอมาลลี ไอ้เวรเอ๊ย!”

แฮร์รี่คงลุกขึ้นมาต่อยเขาคืนไปแล้วถ้าขาไม่เจ็บอยู่ หรือไม่ก็อาจสบถด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงมากกว่านี้ แต่กลับไปทำเช่นนั้น แฮร์รี่เพียงแค่หัวเราะกับตัวเอง มือหนากุมเส้นผมตัวเอง

“นายรู้มั้ย ฉันโคตรโกรธเลยตอนที่กลับมาแล้วไม่เจอนายที่โรงเรียน นายทำร้ายชั้น แล้วนายก็หนีไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ชั้นรู้ว่าเราไม่สนิทกันมากจนจะต้องมีจดหมายหรือของขวัญจากลา แต่แม่ง ฉันโคตรโกรธ เลยว่ะโอมาลลี”แฮร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแต่เจือเสียงสั่นเครือ “แล้วกับอีแค่เพราะว่าเราบังเอิญเจอกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เข้าๆออกๆทุกวัน วันต่อมานายก็มาหาฉันถึงที่ ..ควรจะว่ายังไงดีล่ะโอมาลลี ให้ตายเหอะ ถ้าเราไม่บังเอิญเจอกัน นายก็จะใช้ชีวิตของนายไปเรื่อยๆฉันก็จะลืมเรื่องของนายไม่ได้!”

สิ้นเสียงสบถของแฮร์รี่ ห้องเรียนตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงหอบหายใจเหนื่อยของแฮร์รี่และเสียงหายใจติดขัดของคอนเนอร์

คำพูดของแฮร์รี่วนเวียนอยู่ในหัวของคอนเนอร์ มันทำท้องของเขาปั่นป่วน ยิ่งเห็นดวงตาคู่สวยนั่นมีน้ำใสๆคลอเบ้าแล้ว—

“….แฮร์รี่ นายร้องไห้?”

มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาพร้อมกับปกปิดใบหน้าของตัวเอง “แล้วที่ตลกคืออะไรมั้ย โอมาลลี” แฮร์รี่กัดปากตัวเอง มันเป็นสีแดงอมชมพู “ตอนที่เห็นนายในโรงยิม ฉันเหมือนไอ้งั่ง ที่แค่เห็นดวงตาของนายก็ทำอะไรไม่ถูก”

คอนเนอร์เหมือนหยุดหายใจตลอดเวลาที่แฮร์รี่พูดความรู้สึกของเขาออกมา

เขาต้องจัดการ กับความรู้สึกนี้

รองเท้าผ้าใบคู่เยินก้าวเข้าไปหาเด็กหนุ่มในชุดผู้ดีแต่หัวจรดเท้า มือเปื้อนสีน้ำมันแตะลงที่มือหนาที่ปิดใบหน้าสวยนั้นออก เผยให้เห็นดวงตาสีสวยของแฮร์รี่

ดวงตาที่เขาลุ่มหลง

“..ฉันเองก็ชอบดวงตาของนาย แฮร์รี่..”

มือสองข้างเลื่อนไปประคองหน้าหล่อเหลาของอีกแฮร์รี่ ดวงตาเลื่อนลงมองริมฝีปากรูปกระจับสีแดงแล้วเลื่อนริมฝีปากของตนเข้าไปใกล้ กดมันลงไป นุ่มนวลแต่ก็หนักแน่น เขาบดเบียดมันเข้ากับริมฝีปากของแฮร์รี่ที่เหมือนจะอึ้งจนตัวแข็งไปแล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างกับคอนเนอร์เท่าไหร่นัก

เขายังไม่รู้เลยว่าที่ตัวเองกำลังทำอยู่มันหมายความว่ายังไง

มันไม่ใช่การสอดลิ้นหรืออะไร ก็แค่อยากสัมผัสริมฝีปากสวยของชายที่น่าหลงใหลนี้เท่านั้น

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ทั้งสองไม่ทราบ แต่คอนเนอร์ก็ไม่มีวี่แววจะละออกไป แฮร์รี่จึงผลักไหล่ผอมของเขาออกเบาๆ

อาจเพราะอากาศหนาว ผิวสีขาวของทั้งตอนนี้กลายเป็นสีแดง โดยเฉพาะที่ปากนั้นแดงเป็นพิเศษ คอนเนอร์มองตาของแฮร์รี่ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้ววกกลับมาที่ปาก ขณะที่กำลังขยับตัวเข้าไปรั้งคออีกคนให้รับจูบของตนอีกครั้งแฮร์รี่ก็ใช้สองมือตะปบปากตัวเองเสียก่อน

โอ.. น่ารักจัง คอนเนอร์คิด

“…………นี่นาย เป็นเกย์?”แฮร์รี่เอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ ขยับตัวไปไหนไม่ได้เพราะขาเจ็บและขณะที่โดนจูบเขาก็โดนอีกคนกักตัวไว้บนโต๊ะเรียนเสียแล้ว

คอนเนอร์สั่นหัว “ไม่ๆ ฉันว่าไม่นะ”

“แล้วที่ทำนี่หมายความว่าไงวะ”

คอนเนอร์เสตาไปมองมือตัวเองที่กุมไว้อย่างประหม่า “..ชั้น ไม่ได้เป็นเกย์ สาบานได้”ดวงตาเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าของอีกคนอย่างกล้าๆกลัวๆ “ก็แค่… กับนาย”

“ถ้าไม่เจ็บเท้าฉันคงเตะนายไปแล้วโอมาลลี แม่ง”แฮร์รี่เบ้ปาก “อีกอย่างนะ จูบอย่างกับเด็ก”

คอนเนอร์หน้าแดงแปร๊ด เขาผละออกมาจากโต๊ะตัวที่แฮร์รี่นั่งอยู่เพื่อให้อีกคนเป็นอิสระจากการโดนกักตัว มือกุมหน้าและหัวตัวเอง ความคิดในหัวตียุ่งเป็นพัลวัน

“ฉัน.. มองตานาย แล้วคิดว่าอยากจูบ”เสียงเพิ่งแตกหนุ่มเอ่ยออกไป

แฮร์รี่มองมาที่คนตัวเตี้ยด้วยสายตาบอกไม่ถูก ถอนหายใจหนัก มือหนายกขึ้นเสยผมตัวเอง “..ฉันไม่น่าเล่นเกมส์จ้องตากับนายตอนนั้นเลยโอมาลลี นั่นเป็นจุดผิดพลาดสูงสุดในชีวิตฉันแล้วมั้ง”

คอนเนอร์ตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงมัน “นั่นคงเป็นสาเหตุที่ฉัน..เอ่อ ชอบตานาย”

“ชอบ? ไม่เอาน่าโอมาลลี ฉันว่ามันน่าจะเป็นคำที่มากกว่านั้น”แฮร์รี่เสยผมตัวเองแบบเซ็งๆ “มันน่าจะเป็น ความรู้สึกแบบเดียวที่ฉันมีให้กับดวงตาเน่าๆของนาย”

คอนเนอร์ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ แต่ริมฝีปากเขายกยิ้มขึ้นหลังได้ยินคำพูดนั้นของแฮร์รี่ เดินเข้าไปใกล้ แล้วจูบเขาอีกครั้ง และแฮร์รี่ก็ไม่บ่นอะไรเหมือนเคย

 

 

[Fic A Monster Calls]Deep down in your eyes

Fic A Monster Calls

Title:Deep down in your eyes

Pairing:Conor x Harry

Note:สวัสดีค่ะ ผแผนค่ะ เมื่อเร็วๆนี้ไปดูA monster callsมาล่ะค่ะ หนังดีมากๆเลย เป็นความดราม่าที่เราโอเคด้วยมากๆ TvT)555 ว่าแล้วก็ตกหลุมรักน้องลิวอิส คนรับบทคอนเนอร์ไปจังๆ โอ๊ยย ผู้ชายอังกฤษควรหยุดดีงามทุกช่วงอายุนะคะ ไม่ดีกับใจเราจริงๆ55555 ใจฟูไม่หยุดหย่อน

หลังเดินออกมาจากโรงปรับอารมณ์ออกจากความดราม่าแล้วก็ตามมาด้วยอาการที่ดึงคู่คอนเนอร์/แฮร์รี่ออกจากหัวไปไม่ได้ค่ะ.. แย่มาก ผีมาก การเอาเด็กผู้ชายงานดีสองคนมาใกล้ชิดกันแล้วใส่บทพูดโบรแมนซ์(??)ลงไปนี่่ไม่ดีเลยนะคะ ทำเอาจุดประสงค์ที่จะสื่อหลุดออกจากหัวผู้หญิงคนนี้หมดเลย5555555 กรี๊ดจิกเบาะ กัดปาก

Deep down in your eyes

 

แฮร์รี่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกจ้องอยู่ตลอดเวลา

แล้วเมื่อหันมองรอบๆตัว เค้าก็จะพบว่าสายตาที่มองมานั้นเป็นของเจ้าเด็กผอมกะหร่องตัวเตี้ยและมืดมนที่นั่งอยู่หลังห้อง เว้นโต๊ะห่างจากเขาไปหนึ่งโต๊ะ มันมักจะจ้องมองเขาเสมอ

ตอนแรกแฮร์รี่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่พอนานวันเข้า เขาก็ชักขัดใจ

มองอะไรของมันนักหนา เขาย่นคิ้ว

วันหนึ่งเมื่อออดเลิกเรียนดัง เขาตรงปรี่เข้าไปหาเด็กหลังห้อง คนตัวผอมในชุดนักเรียนตัวโคร่งมีทีท่าตกใจแต่ไม่แสดงออกมากนัก เมื่อแฮร์รี่สาวเท้าเข้าไปใกล้ สายตาที่มักจะมองมาก็หันไปเหลือบมองหนังสือเรียนที่ถูกเปิดทิ้งไว้บนโต๊ะแทน

“นายมีปัญหากับชั้นรึเปล่า”แฮร์รี่ยืนล้วงกระเป๋าพลางถาม

“….ไม่มีนี่”คนตัวผอมตอบเสียงเบา

“ไม่มีแล้วจะมองชั้นบ่อยๆทำไม มันน่ารำคาญนะ”คนตัวสูงกว่าใช้ขายาวๆเตะโต๊ะของอีกคนแสดงถึงอารมณ์ไม่พอใจอย่างยิ่งของตน

จริงๆก็กะว่าจะมาคุยด้วยดีๆ แต่เห็นท่าทางแหยอย่างนี้แล้วรกหูรกตาน่ารังแกชะมัด

คนตัวผอมไม่ตอบอะไร ได้แต่ก้มมองมือตัวเองเงียบๆ แฮร์รี่มองภาพนั้นแล้วส่งเดาะลิ้นตัวเองอย่างรำคาญใจ มือหนาผลักหัวอีกคนแรงๆพอให้หน้าทิ่มโต๊ะแต่ไม่เสียงดังมาก

“เออ รู้ไว้แล้วกันว่าชั้นไม่ชอบ อย่าได้เที่ยวจ้องคนอื่นแบบนี้อีกล่ะ”เด็กหนุ่มพูดกระชากเสียง เดินไปสะพายกระเป๋าแล้วออกจากห้องเรียนไป

เด็กหนุ่มตัวผอมลูบหน้าผากตัวเอง คิ้วขมวดเป็นปมพร้อมกำมือตัวเองแน่น สายตามองไล่หลังของแฮร์รี่ไปจนลับตา

แฮร์รี่ไม่เคยคิดจะรู้จักหรือสนใจคนที่นั่งหลังตัวเองไปหนึ่งช่วงโต๊ะมาก่อนจนกระทั่งเกิดเรื่องการเล่นจ้องตาขึ้น คนคนนั้นคือคอนเนอร์ โอมาลลี

ขนาดตัวก็ไม่ได้ถือว่าโตช้าเกินไปสำหรับคนอายุเท่านี้ ผิดกับแฮร์รี่ที่โตไวไปหน่อย หน้าตาก็ดีใช้ได้ ถ้าไอ้คอนเนอร์มันจ้องเขาบ่อยๆเพราะมันแอบหลงรักเขาหรืออะไรเทือกนั้นแฮร์รี่คงจะต้องขนลุกขนพองมากสุดๆอย่างแน่นอน

หลังจากที่เตือนไปแล้วคอนเนอร์ไม่สนใจฟัง แฮร์รี่ก็ทำตามใจตัวเองมั่ง ถ้าคอนเนอร์เรียกร้องความสนใจจากเขาขนาดนั้นเขาก็จะเล่นด้วยก็ได้

เมื่อไหร่ที่แฮร์รี่ปรายตามองไปที่นั่งหลังตัวเอง คอนเนอร์มักจะรู้ตัวแล้วจ้องเขม็งกลับมาเสมอ หนำซ้ำยังใช้สายตาที่น่ารำคาญใจสุดๆ

อยากให้สนใจขนาดนั้นก็ย่อมได้

ความสัมพันธ์ของแฮร์รี่กับคอนเนอร์มองเผินๆมันก็เป็นการกลั่นแกล้งกันธรรมดาเท่านั้น แต่แฮร์รี่คิดว่ามันไม่น่าจะใช่แค่นั้น

คอนเนอร์ต้องการ อะไรสักอย่างจากเขา

อ้อ นายก็แค่เด็กขาดความอบอุ่น ที่ชอบเรียกร้องความสนใจนี่เอง โอมาลลี

แรกๆมันก็สนุกดี แต่พอเล่นไปเรื่อยๆมันก็น่าเบื่อเพราะหมอนั่นดันยอมให้ถูกเตะต่อยฝ่ายเดียว หนำซ้ำจะมีแต่ทำให้ตัวเขาดูแย่ เกิดชื่อเสียงไม่ดีไปถึงพ่อแม่คงไม่ดีแน่

วันนั้นเวลาเที่ยงเศษ แฮร์รี่จึงเดินเข้าไปหาคอนเนอร์ในโรงอาหาร กระซิบคำพูดที่ทำให้คอนเนอร์ควันออกหูจนปรี่เข้ามาต่อยเขาเสียจนหน้าบวมยับเยิน

แฮร์รี่ยังจำเสียงโกรธเกรี้ยวปนสั่นเครือของคนที่กำลังกระหน่ำหมัดลงบนใบหน้าของเขาได้ดี

 

“ฉันไม่ใช่ มนุษย์ล่องหน”

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น แฮร์รี่หน้าบวมจนมาเรียนไม่ได้เป็นสัปดาห์ เขาได้ข่าวจากเพื่อนว่าคอนเนอร์ไม่ถูกโทษอะไรทั้งนั้น นั่นทำเขาโกรธจนอยากหักแขนผอมกะหร่องให้ออกเป็นสองท่อน

เพราะทุกคนรู้ดีว่าเกิดอะไรกับครอบครัวคอนเนอร์ เขาเป็นเด็กน่าสงสารอย่างนู้นอย่างนั้น

เออ แฮร์รี่รู้ว่าหมอนั่นเจออะไรมาบ้าง แต่ที่ไอ้หมอนั่นมันต่อยเขาล่ะ ให้ตายเถอะ ทำอย่างกับว่าแฮร์รี่เป็นคนผิดฝ่ายเดียวงั้นแหละ

ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มความสัมพันธ์นี้ก่อนแท้ๆ

แฮร์รี่เดาะลิ้นเมื่อพบว่าหลังจากเขาหายหัวจากโรงเรียนเป็นสัปดาห์ คอนเนอร์ก็หายไปแล้ว

หายไปจากโรงเรียนนี้ หายไปจากบ้านหลังเก่า หายไปจากชีวิตของแฮร์รี่อย่างสิ้นเชิง

หลังจากคอนเนอร์หายไป แฮร์รี่คิดว่าตัวเองต้องบ้าแน่ๆเมื่อพบว่าเขานึกถึงภาพดวงตาคู่นั้นของคอนเนอร์บ่อยๆอย่างไร้เหตุผล

ดวงตาของเด็กขี้เหงา ที่มักจะจ้องมองมาที่แผ่นหลังของเขา

ดวงตาที่มองเข้ามาในดวงตาของแฮร์รี่ ราวกับกำลังขวนขวายหาอะไรบางอย่าง

แฮร์รี่กำหมัดแน่น แผลที่ได้จากหมัดเล็กแต่หนักแน่นนั้นปวดหนึบขึ้นมา

 

“คำขอโทษสักคำก็ไม่คิดจะพูดหน่อยรึไงโอมาลลี”

 

 

[Fic Fantastic Beasts] Mommy

Fic Fantastic Beasts and Where to find them
Title: Mommy
Pairing:Cradence&Tina

Note:สวัสดีค่า ผแผนค่า วันนี้กลับบล๊อคมาพบกับฟิคแฟนทาสติคบีสสสสสสสสสสต์ /สวิงคทา ไปดูมาสองรอบค่ะ ฮอลๆๆ เอ็ดดี้น่ารักเมิ๊กกกก ;;w;;) จิไม่ทนกับความฟหกฟหของเขา /อธิบายไม่ได้ พูดก็ไม่ออก/มันแบ่บ*ทำมือหยำๆ*

ซึ่งเราชอบนิวท์ทีน่ามากค่ะแง ร้องไห้ปิดหน้า กลัวใจคุณป้าเจเคมากว่าจะล่มเรือเราหรือเปล่า เพราะเราตามหนังเอ็ดดี้กี่เรื่องๆก็ต้องร้องไห้อย่างขัดใจไม่เข้าใจในโชคชะตาทุกเรื่องเลยว่าทำไมเค้าไม่ได้กับผู้หญิงคนนี้ฟะทุกทีเลยค่ะ555 กลัวอาถรรพ์นี้กับเรือนิวทีน่ามากๆ อย่านะคะคุณป้าา กรี๊ดด

ว่าแต่ ชอบนิวทีน่าแล้วมันโผล่มาฟิคเรื่องนี้ได้ยังไงง่ะ…… //เหม่อ

คือชอบคาร์ของทีน่ามากน่ะค่ะ เธอน่ารักนะฮือ ชอบฉากที่เข้าไปห้ามเครเดนซ์แล้วเครเดนซ์หยุดฟัง น้องเองก็คงโหยหาความรักความอบอุ่นจากมาม๊ามั่งแหละเนาะ อยากให้มีฉากที่ทีน่าอยู่กับเครเดนซ์อีกจังค่ะ;-;) มาม๊าจะปกป้องหนูเอง!

 

7

Mommy

ทีน่าไม่ใช่ผู้หญิงที่สมกับผู้หญิงทั่วไปเหมือนควีนนี่น้องสาวของเธอมากนัก ทีน่าตัวสูงเกือบเท่ามาตรฐานชายอเมริกา ใส่กางเกงทำให้ตัวสูงชะลูดไปอีก ใบหน้าบึ้งตึง นิสัยตรงไปตรงมา ไม่พูดจาจ๊ะจ๋า นิสัยเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอโสดสนิทจนกระทั่งอายุย่างเข้าเลข3แล้วก็ยังไร้วี่แววหนุ่มมาจีบ แต่เธอก็ไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่และปฏิบัติหน้าที่การงานของตัวเองอย่างเต็มที่

หนึ่งเดือนก่อน ทีน่าได้ช่วยเหลือเด็กน้อยจากครอบครัวหนึ่งที่มีแม่บุญธรรมเป็นเจ้าของลัทธิต่อต้านแม่มดอันน่ากลัว เด็กน้อยในบ้านถูกทำร้ายร่างกายจากแม่เลี้ยงผู้เผด็จการและมีปัญหาทางจิต เด็กน้อยที่ถูกทำร้ายหนักที่สุดมีชื่อว่าเครเดนซ์ เป็นเด็กชายอายุ11ขวบตัวผอมกะหร่องมีบาดแผลร่องรอยของการถูกทำร้ายทั่วร่างกาย

หลังจากที่แม่เลี้ยงของเด็กๆถูกส่งเข้าคุกไป ทีน่าได้จัดการหาบ้านหลังใหม่ให้พวกเขา พี่สาวน้องสาวของเครเดนซ์มีผู้รับเลี้ยงไป ส่วนเครเดนซ์นั้นไม่ยอมเข้าหาคนอื่นง่ายๆ จนไม่มีใครกล้ารับไปอุปการะ

ทีน่ามองเด็กน้อยร่างผอมด้วยสายตาเห็นใจ มือน้อยที่มีบาดแผลรวบกอดตุ๊กตาตัวใหญ่ เธอยื่นมือไปลูบผมทรงกะลาครอบของเขาช้าๆอย่างอ่อนโยน ราวกับกำลังลูบหัวเจ้าลูกแมวน้อยที่คอยระวาดระแวงภัยอันตรายรอบตัวเอง

‘..ไปอยู่กับฉันมั้ย เครเดนซ์’ทีน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เครเดนซ์ไม่ตอบ หากแต่ละมือออกจากตุ๊กตาแล้วหันมาโอบกอดคอทีน่าแทน หญิงสาวตกใจเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มให้กับสัมผัสอุ่นจากร่างกายของเด็กน้อย

‘ฉันจะดูแลเธอเองจ้ะเครเดนซ์ ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะ’

ทีน่าลูบหัวน้อยๆของเขาเมื่อสัมผัสได้ว่าไหล่เธอกำลังเปียกชื้นด้วยน้ำตา

 

 

“ทีน่าฮะ”

“อะไรเหรอเครเดนซ์?”

“ถ้าทีน่าแต่งงานกับนิวท์ ผมจะต้องเรียกนิวท์ว่าปะป๊ามั้ยฮะ”

ทีน่าสำลักกาแฟออกมาเล็กน้อย พร้อมกับนิวท์ที่ทำขนมปังที่ได้มาจากเจคอบติดคอตัวเองจนสำลักค่อกแค่ก ผู้ใหญ่ทั้งสองในห้องหน้าแดงฉ่า

“เป็นอะไรรึเปล่าทีนี่?”ควีนนี่ที่กำลังรีดผ้าอยู่อีกห้องโยกตัวมาถาม ทีน่ายกมือปัดบอกว่าไม่มีอะไรเป็นพัลวัน สาวผมบลอนด์เลิกคิ้วก่อนจะกลับไปรีดผ้า แว่วเสียงหัวเราะคิกคัก

“ถ ถามอะไรอย่างนั้นน่ะเครเดนซ์”หญิงสาวรีบตั้งสติก่อนจะกุลีกุจอเข้าไปถามลูกชายบุญธรรมอย่างรีบเร่ง ในขณะที่ชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวถึงอีกคนได้แต่เล็มขนมปังอย่างเขินอาย ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นสีแดงตั้งแต่คอลามไปทั้งหูทั้งหน้า

“ก็ทีน่าเป็นแฟนกับนิวท์แล้วนี่ฮะ”เด็กน้อยคิ้วตก พูดอย่างไม่มั่นใจพลางนึกว่าตัวเองพูดผิดไปตรงไหน

ทีน่าเริ่มหน้าเห่อร้อนไปตามนิวท์ “ม ไม่ใช่ เครเดนซ์ เราเป็นเพื่อนกัน”

นิวท์ผงกหัวช้าๆ เด็กน้อยวัย12ขวบเอียงคออย่างฉงน มองผู้ใหญ่สองคนในห้องสลับกันไปมา

“…ผมคงจะ เข้าใจผิดไป ขอโทษฮะทีน่า”เด็กน้อยพูดเสียงอ่อย เขากลับไปเคี้ยวแพนเค้กมื้อเช้าช้าๆ ทิ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองตกอยู่ในความอึดอัด

นิวท์มองเด็กน้อยที่กำลังดูผิดหวังด้วยความรู้สึกผิด “เครเดนซ์ ทำไมถึงคิดว่าผมกับทีน่า..เอ่อ เป็นแฟนกันเหรอ?”

“ก็ผมเห็นนิวท์หอมแก้มทีน่า”เด็กน้อยตอบทันทีทันควัน ทำเอาทีน่าสำลักน้ำเปล่า

เธอทุบอกตัวเองโดยมีนิวท์ลูบหลังให้ เครเดนซ์สะดุ้งให้กับท่าทางของทีน่าแล้วคิดว่าตัวเองพูดอะไรไม่ดีออกไปอีกหรือเปล่า

“ร รร ร ร เรา..น น นั่นมันแค่แบบเพื่อนน่ะเครเดนซ์!หอมแก้มแบบเพื่อนน่ะ นิวท์กับฉันเราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกันสักหน่อยเนอะ”หญิงสาวพูดตะกุกตะกักและเหมือนจะหัวเราะกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มที่กำลังลูบหลังเห็นท่าทางนั้นแล้วก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ ทีน่าหันไปมองค้อนเขาทีนึง นิวท์จึงหยุดหัวเราะ

ควีนนี่หอบกองผ้าเดินผ่านห้องครัวเห็นภาพครอบครัวของพี่สาวเธอแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหน่ายๆให้กับความไม่รู้ประสีระสาของทีน่า เธอเดินผ่านไปโดยพูดทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้ทีน่าต้องไปพูดแจงให้เครเดนซ์เสียยกใหญ่

“โถ่ทีนี่ เครเดนซ์เขาน่าจะเข้ากับปะป๊าคนใหม่ได้ดีอยู่นะฉันว่า”

“…ควีนนี่!!! โถ่เอ๊ยย”

 

 

อาจารย์สอนประวัติศาสตร์ปรายตามองลูกศิษย์คนโปรดของตนที่กำลังอยู่ในอาการเหม่อลอยในคาบเรียน เขากระแอมเรียกสติแต่เด็กน้อยของเขาดูท่าจะไม่สนใจ ชายหนุ่มวางหนังสือลงแล้วเดินเข้าไปดีดนิ้วเรียกสองสามที ในที่สุดดวงตากลมโตก็หันกลับมาสนใจเขา

“เหม่อลอยอะไรฮื้ม เครเดนซ์”อาจารย์จบใหม่ยื่นมือใหญ่ไปยีศีรษะน้อยให้ยุ่งเสียทรงเป็นการลงโทษที่เมินเฉยต่อบทเรียนของเขา

“..ขอโทษฮะคุณเกรฟ ผมคิดแต่เรื่องทีน่า เลยไม่ได้ฟังที่คุณสอน”มือน้อยลูบหัวจัดผมตัวเองป้อยๆ ดวงตากลมสีหม่นก้มลงมองสมุดจดที่ว่างเปล่า ประวัติศาสตร์เป็นวิชาโปรดของเครเดนซ์ แต่เรื่องของทีน่ามันดึงความสนใจของเขาไปจนหมด

ชายหนุ่มเลิกคิ้วหลังได้ยินชื่อแม่หน้าบึ้งของลูกศิษย์ “ทีน่าเป็นอะไรไปเหรอ?”

“…ทีน่ากำลังคบกับนิวท์ ..ผมเลยกังวล”เด็กน้อยก้มลงมองนิ้วมือตัวเองแทนจะสบตาอีกคน

“นิวท์…. อ้อ ผู้ชายที่ช่วยรักษาอาการป่วยของคุณเฟร็ดใช่มั้ย ที่เธอเคยเล่าให้ฟัง”เกรฟนึกถึงเรื่องที่เด็กน้อยเคยเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่แมวสุดรักหายป่วยจากอาการหวัดด้วยฝีมือของผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์ที่ชื่อนิวท์ สคามันเดอร์ ผู้ชายจากอังกฤษที่ทีน่าเก็บมาได้หลังจากเดินหลงทางในนิวยอร์ค “เธอก็ดูจะชอบเขานี่ มีปัญหาอะไรเหรอถ้าทีน่าจะเป็นแฟนกับเขา”

เครเดนซ์ก้มหน้านิ่ง ปากอิ่มเม้มเข้าหากันนิดๆ “……ผม.. ไม่มั่นใจว่า นิวท์จะทำให้ทีน่ามีความสุขหรือเปล่า”

เกรฟผิวปาก “เธอพูดจาเป็นผู้ใหญ่จังนะหนุ่มน้อย”

“ร เหรอครับ..”เครเดนซ์หน้าแดงฉ่า ใบหน้าหวานกับผมทรงกะลาครอบในร่างน้อยสูงไม่ถึง150ซม.มันทำให้เขาเป็นหนุ่มน้อยผู้น่าเอ็นดูในสายตาอาจารย์เกรฟ “ผมแค่…. เป็นห่วงทีน่า”

เกรฟโคลงหัวแล้วบิดขี้เกียจ เขาชอบฟังเครเดนซ์พูดเรื่องทีน่า เพราะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธอมันทำให้หนุ่มน้อยดูมีชีวิตชีวา ซึ่งเขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นเลิฟสตอรี่ มากกว่าเรื่องเล่าขบขันของครอบครัว และเกรฟมั่นใจว่าเครเดนซ์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เด็กน้อยไม่ได้รักทีน่าเหมือนรักแม่ แต่รักในฐานะผู้หญิงคนนึง ผู้ที่ให้ครอบครัว ให้ความอบอุ่น ให้เสื้อผ้าดีๆ อาหารดีๆและให้อ้อมกอด “โถ เธอกำลังอกหัก เครเดนซ์ ”

ดวงตาสีนิลกลมโตเบิกกว้าง ศีรษะน้อยๆผงกขึ้นมองอาจารย์คนโปรดของตนด้วยความรู้สึกประหลาดใจ “ม ไม่ใช่”

“ใช่สิหนุ่มน้อย โถ่เอ๊ย น่าสงสารจริงๆ”

“ไม่ใช่ คุณเกรฟ ผ ผมแค่…. ผมแค่อยากตอบแทนทุกสิ่งที่ทีน่าทำให้ ด้วยการทำให้เธอมีความสุข…. ผมเลยอยาก อยากให้ทีน่าได้เจอผู้ชายที่ดี”เครเดนซ์น้ำตาคลอ เขาสูดน้ำมูกและเริ่มสะอื้น “และนิวท์ก็.. ก็เป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ แล้วทีน่าจะต้องมีความสุขแน่ๆ… ฮึก”

“โถเด็กน้อย ฉันก็เคยอกหักนะตอนอายุเท่าเธออย่าเศร้าเลยน่า”เกรฟยิ้มบางๆให้กับความจริงจังที่แสนไร้เดียงสาของเครเดนซ์ เขาดึงตัวเครเดนซ์เข้ามากอดอย่างอ่อนโยน “มานี่มา โอ๋ๆ ร้องไห้ให้เต็มที่เลย เราจะได้มีแรงไปยิ้มกว้างๆที่งานแต่งพวกเค้า”

แล้วเครเดนซ์ก็ร้องไห้จ้า มือน้อยรวบกอดตัวของเขาแน่น

 

 

ทีน่าตกใจมากเมื่อเห็นลูกชายบุญธรรมของเธอกลับมาจากโรงเรียนพร้อมตาบวมๆและใบหน้าโทรม เธอรีบต้มน้ำแล้วเอาผ้าขนหนูอุ่นๆมาเช็ดหน้าให้ เครเดนซ์หลับตาพริ้มรับความอบอุ่นจากอีกคน ขณะที่จะผล็อยหลับไปเขารู้ตัวว่าทีน่ากำลังโอบอุ้มตัวเขาไปนอนที่เตียงนุ่มในห้อง มือน้อยจึงโอบกอดเธอไว้

“…ทีน่าฮะ”

“อะไรเหรอเครเดนซ์”

“ยินดีด้วยนะฮะ.. เรื่องนิวท์”

ทีน่าหน้าร้อนผ่าวและทำท่าทางอึกอัก เครเดนซ์ยิ้มเมื่อเห็นอีกคนทำตัวไม่รู้ประสีประสาผิดกับวัยและท่าทางของตน มือน้อยเอื้อมไปจับมือใหญ่ของหญิงสาว แต่เขากุมไว้ได้แค่นิ้วนางและนิ้วก้อยเท่านั้น

“ทีน่าฮะ.. มีความสุข ให้มากๆนะฮะ”

“ถ้านิวท์ทำให้ทีน่าร้องไห้…ผ ผมจะ ปกป้องทีน่าเอง”

หญิงสาวฟังเสียงของเด็กน้อยของเธออย่างตั้งใจ หลังพูดจบ เครเดนซ์ก็ผล็อยหลับไป ทีน่ายิ้มออกมาจางๆแล้วโน้มไปลงจูบที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณนะเครเดนซ์.. ”

[Fic ShamelessUS]I’m Gay,but it’s ok

Fic ShamelessUS
Title:I’m Gay,but it’s ok
Pairing:Ian Gallagher x Fem!Mickey Milkovich
Rate:OC,PG-15

Note:ส่าาหวัดดดดีค๊าาาาาาาาาาา /เอฟเฟคมิสแกรนด์/กรีดยิ้มพนมมือทักทายชาวบล๊อก วันนี้กลับมาพร้อมกับฟิคShamelessUS ค่ะ ไปติดหล่มมาได้ยังไงก็ไม่อาจทราบได้555 มันฟินมากเรยแก คู่นี้มีชื่อเล่นเรียกว่า Gallavichค่ะ เอาเป็นคีย์เวิร์ดไปค้นหาแฟนวิดดูในยูทูปจะเจอแฟนวิดน่ารักๆมากมาย น่ารักเจงๆ (ทำเบลอพวกคลิปฉากBreakupไป………..) 

ปล.เรายังไม่ทันได้ดูซีรีย์ค่ะ ดูแต่พวกStoryline บางทีอาจพลาดรายละเอียดบางจุด ขอโทษด้วยนะคะ..

I’m Gay,but it’s ok

เอียน กัลลาเกอร์รู้ตัวว่าเขาเป็นเกย์ตั้งแต่เขาเริ่มขึ้นมัธยมต้น

มันรู้สึกดีเวลาที่ถูกผู้ชายด้วยกันสัมผัส แตะเนื้อต้องตัว ใบหน้าหล่อเหลาของดาวโรงเรียนหรือคนหล่อหลายคนดึงดูดเขา และเขาไม่มีอาการดังกล่าวกับผู้หญิงที่เป็นเพศตรงข้ามซักนิด นั่นสรุปได้ว่า เขาเป็นเกย์

ทั้งที่มั่นใจว่าอย่างนั้นแท้ๆ แต่เขาดันไปมีเซ็กส์กับมิคกี้ พี่สาวของเพื่อนสาวคนสนิทของเขา

เรื่องมันเริ่มจากที่ มิคกี้เป็นหัวโจกของอันธพาลกลุ่มนึง(ทั้งๆที่เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่ตระกูลเธอใหญ่สำหรับพวกเด็กเกน่ะนะ) เธอชอบแวะเวียนเข้าร้านสะดวกซื้อที่เอียนทำงานอยู่ เพื่อมาฉกขนมไปกินดื้อๆ แน่นอนว่าไม่จ่ายเงินสักดอลเพราะเธอมีเรื่องเอาไว้เล่าข่มขู่เจ้าของร้าน

วันหนึ่ง มิคกี้เอาปืนพกของเจ้าของร้านไป

เอียนหน้าซีดเมื่อเขาเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงอิดโรย เขาเริ่มเหลืออด และเช้าตรู่ของวันถัดมาเอียนไปหาเธอที่บ้าน หยิบเอาชะแลงหน้าบ้านของมิคกี้มาถือไว้เป็นการป้องกันตัว เพราะถึงมิคกี้จะเป็นผู้หญิง แต่เธอเป็น‘ผู้หญิงหัวรุนแรงอันธพาลก้าวร้าวที่มีปืนครอบครอง’ เขากดกริ่งเรียกสองสามครั้ง ไม่มีสัญญาณตอบรับ เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะ เมินเฉยต่อร่างของอันธพาลที่นอนสลบไสลบนโซฟา เดินผลักประตูห้องมิคกี้ ร่างของเด็กสาวกำลังนอนหลับอยู่งัวเงียเล็กน้อยเหมือนสัมผัสได้ว่ามีใครเข้ามา

ผมสีดำขลับด้านขวาฟูหยิกเป็นทรงตื่นนอน ส่วนซีกซ้ายเธอไถเกรียน(เอียนไม่เข้าใจว่าเธอยังเรียนอยู่ในไฮสคูลต่อได้ยังไง) เสื้อยืดสีขาวยุ่ยๆร่นลงข้างไหล่เผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน เอียนเดาว่าท่อนล่างใต้ผ้าห่มถ้าไม่ใส่บ๊อกเซอร์ก็คงเป็นกางเกงใน เธอเลิกคิ้ว มองชะแลงในมือของคนอายุน้อยกว่า

‘ข ขอปืนคืนด้วย มิคกี้’

‘ทำไมฉันต้องให้นาย ไอ้เกย์’

‘ปืน!’

มิคกี้ทำท่าตกใจ ยกมือสองข้างขึ้น พึมพำบอกเขาว่าโอเค โอเค ค่อยๆหยิบปืนออกจากใต้หมอนช้าๆ เธอจะยื่นให้เขา เอียนจึงเขยิบเขาไปใกล้ ทันใดนั้นแขนเพรียวพาดพาดคออีกคนอย่างชำนาญ ผลักร่างผอมของเด็กชายอายุน้อยกว่าลงบนเตียง ขาเตะชะแลงให้ห่างตัวและทิ้งปืนไว้ข้างเตียง มือสองข้างกดแขนผอมให้ติดเตียงเอาไว้ เอียนแทบหยุดหายใจ เขาตกใจที่ตัวเองพ่ายให้กับผู้หญิงคนนึงง่ายขนาดนี้ ทั้งๆที่เป็น.. ผู้หญิงคนนึง

พวกเขามองตากันครู่หนึ่ง เอียนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามือเขาสอดเข้าใต้เสื้อของอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อมิคกี้เห็นดังนั้น เธอตวัดมือเพรียวมาปลดเข็มขัดของเด็กหนุ่มผมแดง ในขณะที่เขากำลังถอดเสื้อให้เธอ

มันเป็นครั้งแรกของเอียน แต่ไม่น่าจะใช่สำหรับมิคกี้ เธอดูช่ำชอง ไม่สิ ไม่ถึงกับ ‘ปราดเปรื่อง’หรือ‘คล่องแคล่ว’ เธอแค่.. มีประสบการณ์

พอรู้ตัวอีกที เอวคอดผอมกับหน้าอกคัพบี(ซึ่งยังดูใหญ่ได้อีกสำหรับวัยของมิคกี้)ก็แนบอยู่บนหน้าอกของเอียน เส้นผมสีดำขลับยุ่งเหยิงกว่าตอนตื่นนอน

‘…เมื่อกี้แกใส่ถุงมั้ย’

‘เอ่อ…ไม่ กะทันหันเกินไป แต่ผมไม่ได้…เอ่อ ปล่อยข้างใน’

‘ดี’

เธอกล่าวแล้วพลิกตัวไปนอนซุกหมอนของเธอ ซึ่งมีใบเดียวบนเตียง เอียนจึงนอนทับแขนตัวเองแทน

เด็กหนุ่มทำท่าจะพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นประตูห้องมิคกี้ก็เปิดออก พ่อขี้เมาของเธอเดินเข้ามาผ่านเตียงพวกเขาเข้าไปในห้องน้ำ เสียงก๊อกเปิดแปลว้าขากำลังล้างหน้าล้างตา เอียนหันไปมองมิคกี้หน้าตาตื่น ในขณะที่มิคกี้ได้แต่กลอกตาใส่เขา ครู่หนึ่งพ่อของเธอก็ออกมา ปรายตามองพวกเขา ผิวปากแซวแล้วเดินออกไป

เด็กหนุ่มผมแดงอึ้งเล็กน้อย มิคกี้สั่งให้เขาใส่เสื้อ เอาปืน แล้วไสหัวออกไปจากบ้านเธอ ซึ่งเอียนทำตามอย่างว่าง่าย เขาแต่งตัวอย่างช้าๆ มองแผ่นหลังของอีกคนที่ตอนนี้กำลังนอนขดเป็นก้อนผ้าห่มกลมๆ

เขาหยิบปืนมาอย่างระมัดระวัง เดินไปเปิดประตู บอกบ๊ายบายมิคกี้เบาๆแล้วเดินออกมา

—I’m Gay,but it’s ok—

เอียนกำลังสับสน เขาชอบผู้ชาย แต่ก็เพิ่งมีเซ็กส์กับมิคกี้ซึ่งเป็นผู้หญิง

และมัน.. ดีมาก แบบว่า มากๆ

หลังจากนั้นมันทำให้เอียนมองมิคกี้บ่อยขึ้น ถามไถ่เรื่องเธอจากน้องสาวของเธอบ่อยขึ้นจนหล่อนฉงน เอียนมั่นใจว่าเขายังรู้สึกชอบผู้ชายอยู่ เขินเวลาที่เพื่อนร่วมห้องหล่อๆมาคุยด้วยและแตะต้องตัวเค้า เหมือนปกติ

และนอกจากมิคกี้แล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขารู้สึกสนใจได้สักคน

เอียนจึงประเด็นว่าเขาเป็นไบเซ็กส์ช่วลออกไป

มัน…แปลก

หลังจากเหตุการณ์ที่บ้านมิคกี้วันนั้น เขาไปมาหาสู่บ้านเธอบ่อยมากขึ้น ส่วนนึงคือไปทำการบ้านกับเพื่อนสนิทของเขา เล่นมาริโอ้คาร์ท กินพิซซ่า เบียร์ สูบบุหรี่ ล้วนเป็นกิจกรรมที่ทำกับเพื่อนสนิท แต่เพราะเพื่อนสนิทของเขาดันเป็นน้องสาวของมิคกี้นั่นแหละ  หลายครั้งมิคกี้ก็เข้ามาร่วมบทสนทนาหรือกิจกรรมของพวกเขาด้วย

เอียนรู้สึกดีเวลาที่มิคกี้กินพิซซ่าและเล่นมาริโอ้คาร์ทใกล้ๆเค้า

รู้สึกดีแม้เธอจะเรียกเขาว่าไอ้บื้อ

มันโคตรจะแปลก

มิคกี้ไม่ถามอะไรเขามากมายนัก เอียนพอจะรู้ว่าเธอตั้งการแค่ความสัมพันธ์ทางร่างกาย เอียนจะเป็นเกย์ เป็นไบ เป็นอะไรไม่ใช่เรื่องของเธอ เพราะงั้นเวลาที่เอียนขอมีเซ็กส์ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรมากแค่ปล่อยให้เขาพาเข้าหลังร้านแล้วทำมันก็เท่านั้น

แต่สำหรับเด็กหนุ่มผมแดง ความรู้สึกที่เขามีให้มิคกี้มันมากกว่านั้น ตัวเขารู้ แต่ไม่รู้จะอธิบายมันยังไง

เสียงหอบดังปนเปกัน มือเพรียวของมิคกี้จับราวที่วางของไว้ เอียนวางมือของเขาทับลงไป เลิกคิดเรื่องหนักหัวแล้วปล่อยให้ร่างกายทำตามความต้องการไป

โชคไม่ดี เจ้าของร้านเข้ามาเห็นเข้า

ดูท่าเขาจะเหลืออดกับมิคกี้ ครั้งต่อมาที่มิคกี้เข้ามากินขนมอย่างลอยหน้าลอยตาในร้านสะดวกซื้อ เขาชักปืนออกมายิงขู่ และด้วยความเลือดขึ้นตา เขาจึงยิงปืนเข้าที่ขาเธอ

หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายนั้น เจ้าของร้านถูกจับเข้าคุก และแน่นอนว่าเขาเอาเรื่องมิคกี้เรื่องการก่อกวนร้านของเขาด้วย เธอเลยต้องเข้าไปอยู่ในระยะหนึ่ง เอียนไปเยี่ยมเธอ

เขาคุยกับเธอผ่านโทรศัพท์ มองหน้าเธอผ่านกระจก เด็กหนุ่มผมแดงวางมือทาบบนกระจกแล้วมองมิคกี้ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ มิคกี้ทำหน้าเหยเกแล้วสั่งให้เขาเลิกทำ มันทำเธอขนลุก

เอียนไม่สนว่าเขาจะเป็นเพศอะไร หรือยังไง ที่เขารู้ก็คือ เขาชอบผู้ชาย

และในขณะเดียวกันก็ชอบมิคกี้ด้วย

เขาชอบดวงตาสีฟ้าสุกสว่างสวยราวกับจะดูดเขาเข้าไป เอวคอดร่างบาง ตัวนุ่มๆ หน้าอกคัพบี ทรงผมไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง ใบหน้าดุที่ไล่ทุกคนที่หวังเข้ามายุ่ง

เอียนชอบมิคกี้ และเขามั่นใจ

เรื่องกลุ้มใจเรื่องต่อมาของเอียนคือ เขาจะทำยังไงให้มิคกี้รับรักเขาได้ล่ะเนี่ย?

–Special–

มิคกี้เบ้ปากเมื่อเห็นหัวแดงๆพร้อมใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาลูกหมากำลังตรงดิ่งมาหาเธอ มือขยุ้มผมลอนยาวข้างเดียวของตัวเองพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจที่หน้าล็อคเกอร์ของตัวเอง

เมื่อขายาวก้าวมาถึงเธอ อีกคนไม่กล่าวทักทายอะไรแต่กลับยื่นหน้าเข้ามาหวังชิงจูบ มิคกี้ไหวตัวทันจึงเอี้ยวตัวหลบพร้อมถีบตัวอีกคนออกจนคนอายุน้อยกว่ากระเด็นออกห่างจากเธอ

“โถ่มิค แค่จูบทักทายเอง”

“จูบฉันสิ แล้วฉันจะตัดลิ้นแก”

“ก็วันนี้ปากเธอน่าจูบ”

“ไปไกลๆตีนเลยโว้ยย”

-END-

[FIC SING STREET]Autumn is coming

FIC SING STREET

TITLE:Autumn is coming

RATE:PG-15,Romance,Comedy

PAIRING:Eamon x Darren

Note:สวัสดีค่ะ วันนี้กลับมาปัดฝุ่นด้วยฟิคSingStreetค่ะ

เกริ่นไว้ก่อนว่าจริงๆเราชอบConorEamonนะคะ5555 แต่หลวมตัวมาแต่งฟิคคู่นี้ได้ยังไงก็ไม่ทราบ//w\\ เจ้าคาร์โรแลนมันร้ายยยย ถูกใจผมสีแดงของเบน คาร์โรแลน(นักแสดงดาร์เร็น)มากๆๆๆๆจนต้องแต่งฟิคออกมาค่ะ โฮ่ๆๆๆ เป็นเคะตัวเล็กที่ถูกสเป็คมากเลยล่ะค่ะ กร๊าก ดูมีจริตจะก้านที่ทำให้เขินได้อย่างบอกไม่ถูก T//T) ก็ออกมาเป็นฟิคให้ทุกท่านได้ลองเชยชมค่ะ /พับเพียบ

ปล.รูปนี้ทำเรากรี๊ดนานมากค่ะ กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เสียผู้เสียคนนน 

ปลล.รูปนี้เซฟมาจากทวิตท่านนึงค่ะ ซึ่งหาต้นทางไม่พบแล้วTAT ขออภัยด้วยค่ะ

ถ้าเจอเมื่อไหร่จะใส่เครดิตให้ทันทีนะคะ

1228

 

ทุกครั้งที่เอม่อนพบดาร์เร็น เขามักจะคิดถึงบางสิ่ง

เส้นผมสีแดงแอปเปิ้ลของเขาสวยงามเสมอยามเมื่อต้องแสงแดด มันสะท้อนประกายสีสวย

สีแดง สีส้ม มันทำให้เขาคิดถึงฤดูใบไม้ร่วง

–Autumn is coming–

 

ครั้งแรกที่เอม่อนพบดาร์เร็นคือตอนที่เจ้าตัวถูกเด็กเกที่โรงเรียนแกล้งด้วยการเอาเขาไปขังไว้ในล๊อกเกอร์เก่าหลังเลิกเรียน เอม่อนจำได้ว่ามันน่ากลัวอย่างกับหนังเฮอเร่อ บรรยากาศพลบเพล้ เขาที่วิ่งกลับไปเอาสมุดที่ลืมไว้ สะดุดตาเข้าให้กับล๊อกเกอ์ที่มีไม้ม๊อบภารโรงกั้นเอาไว้ไม่ให้คนข้างในเปิดออกมาได้ เมื่อเขาขยับตัว รองเท้าส่งเสียงเอี๊ยดกับพื้น สิ่งที่ถูกขังในล๊อกเกอร์ก็ส่งเสียงคำราม

คำหยาบสารพัดถูกพ่นออกมาพร้อมๆกับการประทุษร้ายประตูล๊อกเกอร์จากข้างในอย่างบ้าคลั่ง เอม่อนต้องบอกให้คนข้างในนั้นใจเย็นๆไว้ก่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเย็นลง เขาจึงเอาไม้ม๊อบที่กั้นไว้ออกมา

เด็กผู้ชายผมแดงมีส่วนสูงดูต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในเครื่องแบบยู่ยี่พุ่งพรวดออกมาจากล๊อกเกอร์หลังพ้นพันธนาการ คิ้วสีแดงย่นเข้าหากันเมื่อเขามองมายังชายตัวสูงหน้าตาดูไม่ค่อยบ่จอยผู้เป็นคนช่วยเขาออกมา มือผอมปัดฝุ่นให้ตัวเองก่อนจะยื่นให้อีกคน “ขอบใจมากที่ช่วย ฉันดาร์เร็น”

เอม่อนเลิกคิ้วแล้วยื่นมือไปเชคแฮนด์กลับแบบเนือยๆตามประสาของคนแบบเขา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอีกเดี๋ยวก็ได้เวลามื้อเย็นแล้วจึงรีบขอตัวออกมา ดาร์เร็นยักคิ้วใส่เขาอีกครั้ง แล้วเอม่อนก็เดินกลับบ้าน

หลังจากเสร็จสิ้นมื้อค่ำ อาบน้ำ ทบทวนการบ้าน ตั้งสายกีต้าร์พอเป็นพิธี เล่นกับกระต่ายก่อนเข้านอน ขณะที่กำลังจ้องลูกตากลมโตของก้อนขนฟูตัวน้อยของเขา เอม่อนก็พึ่งตระหนักได้ว่าเขายังไม่ได้แนะนำตัวกับดาร์เร็นเลยนี่หว่า

 

จุดเริ่มต้นของเรามันก็เริ่มจากตรงนั้นนั่นล่ะ

 

หลังจากวันนั้น จากที่เคยเดินเข้าโรงเรียนเฉยๆก็เปลี่ยนมาเป็นล่อกแล่กมองหาใครคนหนึ่งเสมอ นั่นทำให้เอม่อนตระหนักว่า ดาร์เร็นมาโรงเรียนค่อนข้างสาย อาจะเพราะไม่อยากเจอพวกชอบแกล้งเขาที่มักจะชอบดักอยู่หน้าโรงเรียนก็เป็นได้ บางทีเขาก็พบดาร์เร็นที่โรงอาหาร สีผมของเขาค่อนข้างเด่น เอม่อนเริ่มคิดแล้วว่านี่เค้าคงเป็นพวกไม่สนใจรอบๆข้างอย่างหนักสินะ เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่รับรู้ถึงตัวตนของดาร์เร็นสักนิด

วันหนึ่งในช่วงเกือบสิ้นฤดูร้อน มื้อเที่ยงดำเนินไปตามปกติ เอม่อนเคี้ยวแซนวิชรสชาติแหยะๆอย่างเหม่อลอย ก่อนที่จะมีเสียงพวกเด็กเกก่อการทะเลาะวิวาทย่อมๆเหมือนทุกวัน วันนี้เหยื่อของพวกมันคือ ดาร์เร็น

เอม่อนไม่ทำอะไรอย่างการพุ่งพรวดเข้าไปช่วยเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาว เพราะอันดับแรก ดาร์เร็นไม่ใช่จำหญิง— และเขาค่อนข้างจะชินกับการโดนแกล้ง ปกติดาร์เร็นมักจะเลี่ยงโรงอาหาร แต่วันนี้เขากลับอยู่ที่นี่ เด็กเกหัวเกรียนผู้เป็นหัวโจกของกลุ่มหยิบแสน๊คบาร์ราคาถูกของเด็กหนุ่มผมแดงมาแกะกินพร้อมมองอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเดินออกไป อ้อใช่ เหตุผลอีกข้อที่เอม่อนคิดว่าเขาไม่สมควรเข้าไปห้ามการทะเลาะวิวาทอย่างยิ่งก็เพราะหุ่นเก้งก้างเหมือนตะเกียบของเขาเองล่ะ มองกล้ามของเจ้าพวกเด็กเกนั่นแล้ว เอม่อนยังอยากเก็บแขนและมือดีๆไว้เล่นเครื่องดนตรีอยู่

และสำคัญที่สุด อย่างที่เคยว่าไป ดาร์เร็นมีความแข็งแกร่งที่ผิดกับไซส์ตัวของเขามากๆ

เอม่อนละความสนใจออกจากแซนวิชห่วยๆ มองดาร์เร็นที่ชันตัวผอมๆให้ลุกขึ้น ถ่มเลือดในปากทิ้ง ลูบแผลที่ริมฝีปากตัวเองป้อยๆ แลบลิ้นออกมาเลียที่มุมปากแล้วส่งเสียงเจ็บเบาๆ หนุ่มตัวเล็กรู้สึกถึงสายตาหนึ่งที่กำลังมองมาที่เขา เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีใสกลมโตดูน่ารักน่าชังตวัดเจอคนตัวสูงหน้าตาน่าอ้อนเท้าที่เคยช่วยเขาเมื่อหลายๆวันก่อน

ดาร์เร็นยักคิ้วให้เขา ก่อนจะเดินเข้าไปหา

ฤดูใบไม้ร่วง สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีของใบไม้แห้งกรอบ

อาจฟังดูประหลาดที่พูดแบบนี้ แต่เอม่อนค่อนข้างชอบมันนะ ฤดูใบไม้ร่วง

(ถึงแม้ว่าจะต้องเสียเวลาเล่นกับบรรดากระต่ายมากวาดใบไม้ที่หล่นรกหน้าบ้านก็เถอะ)

เหตุผลหลักที่ดาร์เร็นถูกแกล้งก็คือ เขาตัวเล็ก ใบหน้าค่อนไปทางน่ารัก ส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ และมันชอบต่อปากต่อคำ พูดง่ายๆคือปากหมา จึงตกเป็นเป้าของการถูกแกล้งได้ง่าย

แต่ดาร์เร็นเป็นคนที่ฉลาดเป็นกรดสุดๆ ปรับตัวให้เข้าได้ทุกสถานการณ์ ฉลาดแกมโกง หัวหมอ และทุกคำที่หมายถึงความฉลาดที่ใช้ในทางเลวๆ นั่นแหละ เขาเลยเอาตัวรอดได้เสมอ ไม่ต้องให้เพื่อนตัวโย่งไปช่วยสักนิด แถมยังเอามาใช้หากินได้อีก

เอม่อนมองนามบัตรของดาร์เร็นที่เพิ่งได้รับมา หลังจากเจ้าตัวย่างสามขุมมาหาเขา นึกว่าจะพูดอะไรเสียอีก หนุ่มผมแดงกลับยื่นนามบัตรเรียบกิ๊งที่ดูเป็นทางการสุดๆให้เขา ‘มีปัญหาอะไรก็ติดต่อมาทางนี้นะ จะเรื่องโดนพวกเวรนั่นแกล้งหรืออะไรก้ได้ เลี้ยงแมว เก็บอึกระต่าย ช่วยตากผ้า เงินมาเป็นพอ เค๊’ เอม่อนทำหน้าเหลอหลาขณะพยักหน้าอัตโนมัติ ‘งั้นก็ ดีล’ ริมฝีปากสีชมพุอ่อนยกยิ้มขึ้นก่อนที่ร่างโปร่งจะหมุนตัวหันหลังแล้วเดินออกไป

เด็กหนุ่มตัวสูงโย่งปั้นหน้าไม่ถูก(แต่คนรอบตัวก็มองไม่ออกหรอกนะ เขาหน้าตาย สุดๆ)จนเลิกเรียน จนกลับบ้าน บนโต๊ะอาหารนั้นเองเอม่อนเอานามบัตรนั้นมาพิจารณาอีกครั้ง ควรทำยังไงกับมันดีล่ะ

แล้วก็ เขาไม่ทันได้บอกชื่อกับดาร์เร็นอีกแล้วสิ

เอม่อนยัดสปาเก็ตตี้เข้าปากช้าๆ หัวคิดเหม่อลอยไปเรื่อย แม่เปิดพยากรณ์อากาศฟังคลอไประหว่างมื้ออาหารเย็นแสนเงียบเชียบ ผู้พยากรณ์อากาศกำลังร่ายเรื่องอากาศแต่ละภูมิภาค เอม่อนเหลือบมองอย่างไม่ค่อยสนใจ แต่เพราะอะไรก็ไม่ทราบ แบ๊คกราวด์ของรายการวันนี้เป็นสีส้ม ภาพผมสีแดงอมส้มของคนตัวเล็กก็ผุดเข้ามาในหัวเค้า เด็กหนุ่มจึงหันมาดูรายการพยากรณ์อากาศ เขาจึงทราบว่า ฤดูร้อนใกล้จะหมดลงแล้วเต็มที ไม่เกินสัปดาห์หน้า ฤดูใบไม้ร่วงก็จะมาถึง

“ใบไม้ร่วงปีนี้ก็ฝากลูกด้วยนะเอม่อน”หญิงสาววัยกลางคนคลี่ยิ้มหวานย้อยใส่ลูกชายทูนหัว

“อา รู้แล้วน่า”เอม่อนกลอกตา ยัดสปาเก็ตตี้เข้าไปเร็วๆ ตามด้วยน้ำส้มแล้วเดินขึ้นห้องนอนไปเล่นกับกระต่ายสลับกับนอนจ้องนามบัตรโง่ๆแล้วผลอยหลับไปโดยลืมอาบน้ำ

 

อันที่จริง แค่โทรไปตามเบอร์ที่หมอนี่ให้มาก็จบแล้วแท้ๆ

และเอม่อนก็เพิ่งรู้ว่า เขาเป็นไก่อ่อนกับเรื่องแบบนี้สุดๆ

การเข้าหาใครสักคนที่ตัวเองสนใจเนี่ย ยากจังวะ

 

ฤดูใบไม้ร่วงโผล่เข้ามาอย่างไม่ทันรู้ตัว ฝนตกเล็กน้อยในตอนเช้าทำให้อากาศชื้น วันนี้เอม่อนจึงได้เห็นดาร์เร็นในชุดเสื้อกันหนาวตัวโคร่ง ขาที่ก้าวเดินอยู่เลยสะดุดตกฟุตบาทที่ประตูหน้าโรงเรียน

คนผมแดงกำลังเช็คอะไรสักอย่างกับกล้องในมือ จึงไม่ได้ใส่ใจรอบตัวมาก ซึ่งนั่นก็ดี เอม่อนลูบหน้าตัวเองเรียกสติรัวๆ เขาคิดว่าตัวเองกำลังทำตัวเหมือนนางเอกซีรีย์ทางช่องที่แม่ชอบดู ..ไม่ๆ เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับดาร์เร็นแหงๆ ก็แค่สนใจ

งั้นก็เข้าไปทักเค้าสักทีสิเอม่อน

เออ ไปกันเลย

“เฮ้”เด็กหนุ่มตัวสูงสาวเท้ายาวเข้าไปหาคนตัวเล็ก คิ้วสีเดียวกับเส้นผมเลิกคิ้ว ดูไม่ประหลาดใจนักเท่าไหร่

“เฮ้”เขาทักกลับ “มีเรื่องไร”

เอม่อนหยุดชะงัก สมองเริ่มคิดหาข้อจ้างวานให้ได้ภายใน3วิ แล้วเขาก็โพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบกว่าปกติ บ่งบอกว่ากำลังข่มความตื่นเต้นอย่างมาก “อ่า เข้าใบไม้ร่วงแล้วนะ”

“เปิดหัวเรื่องได้สมกับหน้าแบบนายดีนิ”ดาร์เร็นคลี่ยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะหึ “แล้ว? อยากให้ช่วยกวาดใบไม้ที่ลานหน้าบ้านรึไง”

“นี่นายรับดูดวงด้วยรึไง แม่นมาก”เอม่อนเอ่ยอึ้งๆพลางพยักหน้า

“ระดับไหนแล้ว”ดาร์เร็นส่งเสียงหัวเราะหึขึ้นจมูก “แล้วจะให้เริ่มงานวันไหนล่ะพวก”

“ก็ดูๆก่อน.. วันไหนที่ใบไม้เริ่มร่วงสุมกัน ฉันจะโทรหาแล้วกัน”เขาพยายามพูดเสียงเนือยให้เหมือนปกติอีกครั้ง ดาร์เร็นพยักหน้าแล้วก้มดูกล้องตัวน้อยที่คล้องคอเขาอยู่อีกครั้ง

เอม่อนเลือกที่จะยืนพิงผนังอยู่ข้างเขาแทนที่จะเดินเข้าโรงเรียน ดวงตาสีใสเหลือบมองเขานิดๆแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ นิ้วผอมที่โผล่ลอดจากแขนเสื้อที่ใหญ่เกินขนาดตัวมันดู… อืม ทำเอาใจสั่นแปลกๆ ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ลูกกระต่ายขึ้นมานอนบนมือ

“นายเรียกงานที่ตัวเองทำว่าอะไรเหรอ รับจ้างสารพัดนึก?”คนตัวสูงลองเปิดบทสนทนา

“ไม่รู้ว่ะ เรียกว่า มีอะไรเรียกดาร์เร็นแล้วกัน ฉันทำได้หมดตั้งแต่ช่วยลูกแมวยันปีนเข้าห้องพักครูขโมยข้อสอบ”ดาร์เร็นตอบ “แต่ก็ไม่ค่อยมีคนเรียกใช้งานเท่าไหร่”เขาสั่นไหล

“สเกลการทำงานยิ่งใหญ่ดีนะ”เอม่อนเอ่ย

“ขอบใจ”ดาร์เร็นตอบรับ

“..แล้วก็ ฉันชื่อเอม่อนนะ ว่าจะบอกหลายครั้งแล้วแต่ลืม”เสียงเนือยของเอม่อนทำดาร์เร็นหลุดขำในลำคอ เอม่อนรู้สึกว่าใจเขากำลังพองฟู รู้สึกกระเพาะถูกอะไรสักอย่างบีบรัด มวนท้อง ปั่นป่วน ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เพราะสมองอื้ออึง(และแน่นอนว่าคนอื่นมองไม่ออกหรอกว่าเขากำลังเด๋อ เขาหน้านิ่งเสียจนน่ากลัวจริง)

“เค เอม่อน ฉันจะได้เลิกเรียกแกว่าไอ้โย่งหน้าซังกะตายได้สักที สั้นลงเยอะว่ะ”

 

นี่อาจเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง

แต่ฤดูใบไม้ร่วงของเอม่อนมาถึงนานแล้ว

–Special–

 

“ไอ้เครื่องดนตรีมหาศาลนี่เป็นของนายเหรอวะ”ในน้ำเสียงของดาร์เร็นมีความประหลาดใจผสมปนเปกับความตื่นเต้น (ผิดกับตอนเห็นสวนเลี้ยงกระต่ายของเขาที่ดาร์เร็นพูดว่า ‘น่ารักเหมาะกับนายดีนี่’ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูและขบขัน ค่อนข้างออกแนวประชดประชัน แต่เอม่อนอยากบอกเหลือเกินว่าเจ้าพวกนี้มันเหมือนนายหัวแดงมากกว่า หมายถึง นายหัวแดงน่ารักเหมือนกระต่าย)

เอม่อนพยักหน้า เขาดันแว่นขึ้น สาบานว่าไม่ได้ประหม่า น้อยครั้งมากที่เขาจะทำอะไรให้ดาร์เร็นสนใจและนี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวเล็กดูตื่นเต้นกับสิ่งของของเขา ถึงจะเล็กน้อยก็เถอะนะ

“แกต้องเล่นพวกมันไม่เป็นหมดแหง เล่นกลอง กีต้าร์ เปียโนได้พวกนี้ก็หรูแล้ว”ดาร์เร็นลองเอากีต้าร์ไฟฟ้าขึ้นมาถือ ทำท่าเหมือนเล่นพร้อมทำเสียงวู้วว้าว

“ไม่หรอก ฉันเล่นได้หมดนะ”ว่าแล้วก็เดินไปหยิบกลองรูปร่างไม่คุ้นตา เหมือนจะเป็นกลองพื้นบ้านแถบเอเชีย เขาตีเป็นจังหวะที่คิดว่าจะอวดดาร์เร็นได้ เจ้าตัวเล็กหันมาสนใจ เอม่อนรู้สึกได้ใจ

แล้วรู้ตัวอีกที เขาก็เอาเครื่องดนตรีออกมาเล่นโชว์จนหมด ดาร์เร็นลุกปรบมือแปะๆ ไม่รู้ว่าปรบมือให้ความเก่งของเขาหรือความพยายามที่โชว์มันจนหมดบ้านกันแน่ แต่ก็ทำให้เอม่อนรู้สึกสดชื่นดี

“เจ๋งดีนี่ ไม่ลองเปิดวงล่ะพวก”ดาร์เร็นถามพลางช่วยเอม่อนเก็บเครื่องดนตรีที่เอาออกมาโชว์ให้เข้าที่เดิม

เด็กหนุ่มตัวสูงสั่นหัว “ฉันเล่นเพราะมันสนุกน่ะนะ ไม่ได้เอาจริงเอาจังเท่าไหร่”

“อ้อเหรอ”ดวงตาใสกิ๊งราวลูกแล้วกลอกไปมา เอม่อนสังเกตเห็นว่าเขาดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มเหมือนใช้ความคิด “ถ้ามีความคิดอยากเล่นเมื่อไหร่ก็ชวนชั้นด้วยล่ะ”

เอม่อนเลิกคิ้ว เขาดันแว่นขึ้น “ไม่ยักกะรู้ว่านายเล่นดนตรีเป็น”

ดาร์เร็นส่ายหัว “เปล่าๆ ก็แค่ว่า ถ้านายจะทำวง ก็ต้องมีคนถ่ายวิดีโอประกอบเพลงใช่มั้ยล่า”เขาทำมือประกอบ “แล้วก็ต้องการโปรดิวเซอร์ คนดูแลวงอีก แค่คิดก็น่าสนุกแล้วว่ะ คงฆ่าเวลาได้”ไหล่ผอมยกขึ้น ดาร์เร็นยกยิ้มระหว่างครุ่นคิดนู่นนี่กับตัวเอง

“คิดการไกลเป็นบ้า ฉันบอกว่าอาจจะนะ อีกอย่างฉันเล่นแค่นเดียวจะเรียกว่าวงได้ไงวะเนี่ย”

“พวกผู้ชายบ้าดนตรีแม่งมีเยอะจะตายชัก เออ ยกเว้นชั้นคนนึง เดี๋ยวมันก็หาได้เองล่ะ”ดาร์เร็นตอบปัดๆอย่างไม่ใยดี ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ “จะมืดแล้วว่ะ ค่าจ้าง?”

มือผอมยื่นมาทางเอม่อน เขาดันแว่นอีกรอบ อีกมือนึงควานหาเงินให้ลูกจ้างกวาดใบไม้ ดาร์เร็นพิจารณาเงินในมือเขาแล้วส่งเงินเหรียญคืนให้นายจ้าง

“ค่าจ้างที่อุตส่าเล่นให้ดู”พูดพลางหัวเราะเมื่อเห็นหน้าเอ๋อจนผิดสังเกตของเอม่อน มือผอมตบไหล่คนสูงกว่าหลายเซนแล้วเดินไปสะพายเป้ที่วางไว้ก่อนจะเดินไปเปิดประตู ขณะกำลังจะเดินพ้นประตูบ้าน ร่างสูงก็สาวขายาวๆมาทันเขาเสียก่อน

“เดี๋ยวไปส่ง”พูดพลางใส่เสื้อนอกตัวเอง

“เป็นนายจ้างที่มีเซอร์วิสดีจังว่ะ”ดาร์เร็นหัวเราะ แสงช่วงโพล้เพล้สะท้อนกับเส้นผมของเขาจนเส้นผมสีแดงกลายเป็นสีส้มสะท้อนเป็นประกาย ทำเอาเอม่อนแทบหยุดหายใจ

พวกเขาเดินออกนอกรั้วบ้าน เดินไปตามทางถนนที่แทบไม่มีรถ ใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นพัดปลิวมาตามแรงลม

“กะจะเดินไปส่งถึงไหนล่ะ”ดาร์เร็นถาม

“ได้เรื่อยๆ”แล้วบทสนทนาก็จบ เอม่อนพยายามไม่เดินเร็วมาก เพราะช่วงขาของพวกเขาไม่เท่ากันแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขาอยากให้เวลานี้อยู่ต่อไปนานๆ หลังจากเดินไปสักพัก เอม่อนจึงลองเปิดบทสนทนา พูดเรื่องอะไรดี “สีผมนายเหมือนสีใบไม้พวกนี้เลย”

“ห๊ะ”ดาร์เร็นร้องด้วยน้ำเสียงประหลาดใจสุดๆจนเอม่อนสะดุ้งโหยง นี่เขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่าวะ..

“อ่า ก็นั่นไง สีแดงเหมือนสีชามะนาวเข้ม เหมือนสีผมนายเลย”เอม่อนพูดขยายความ “มัน…ฟังดูแปลกเหรอ?”

“อืมม ก็เปล่า แต่มันเพิ่งเคยได้ยินคนบอกแบบนี้นี่หว่า ฉันว่าสีผมฉันมันเหมือนสีมะเขือเทศสุก”ดาร์เร็นเอ่ยพลางสางผมเขาลวกๆ

“ผมนายไม่สีสดขนาดนั้นนะ มันแดงๆส้มๆ”เอม่อนเอ่ยขณะยื่นมือไปสางผมอีกคน “เวลาช่วงนี้ มันดูสวยมาก”

ดาร์เร็นชะงักกึกพร้อมกับหยุดเดิน ปากเผยอขึ้นแสดงถึงความอึ้งกิมกี่ “แกมันมีความศิลปินเกินไปแล้วว่ะเอม่อน พูดอะไรเข้าใจยากสัดอ่ะ”

เอม่อนกลอกตา บอกตามตรงเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความกล้ามาจากไหน แต่ถอยกลับไม่ได้แล้ว “เอาเป็นว่า ฟังง่ายๆเลยนะดาร์เร็น ฉันจะพูดครั้งเดียว”

“จริงจังสัด ออกมาเจออากาศเย็นแล้วสมองกลับเหรอ”

“จะฟังไม่ฟังเฮ้ย”

“เออเอ้า จะพูดไรก็พูด”

ดาร์เร็นยืนนิ่ง มือที่ซ่อนในเสื้อกันหนาวตัวโคร่งอยู่แล้วไปซ่อนอยุ่ในกระเป๋ากางเกงอีกที ขาผอมสั้นดูดีในกางเกงสีดำทรงกระบอก ใบหน้ามีความฉงน เส้นผมและดวงตาสะท้อนแสงแดดยามเย็น เป็นหนึ่งความงดงามที่ไม่ว่าจะดูเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ เอม่อนยืนตัวตรง มือใหญ่เหมาะกับเครื่องดนตรีทุกชนิดยกขึ้นสางเส้นผมของดาร์เร็นพร้อมกับประคองใบหน้าได้รูปของหนุ่มผมแดงเอาไว้ แก้มมันเย็น และนิ่มกว่าที่คิดไว้

ดาร์เร็นก็คงคิดว่านี่มันเกย์มากๆ ซึ่ง..คิดถูกแล้ว

 

“ฉันชอบพวกมัน เส้นผมสีแดงของนาย มันดูสวยงามจนละสายตาไม่ได้ แล้วพอเห็นนายที่มีผมสีแดงนี่ ฉันบอกเลยว่า ฉันคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกเลย มันดูดีมาก ดุดีสุดๆ แล้วพอนายยิ้ม โลกก็เหมือนหยุดหมุน”เอม่อนพูดรัวเหมือนตอนเค้าลองซ้อมร้องแรปตามวงดนตรีที่เคยดูผ่านโทรทัศน์ เขาเว้นช่วง หายใจลึกๆ “ฉันชอบนาย”

 

สิ้นเสียง เอม่อนลดมือลง กุมพวกมันแน่นๆขณะที่ดวงตาคมจับจ้องไปที่ดวงตาของอีกคน มันยังคงเต็มไปด้วยความห้าวหาญเหมือนเคย พวกเขามองตากันนานจนมีคนปั่นจักรยานผ่าน เสียงกระดิ่งเหมือนดีดนิ้วเรียกสติเอม่อน เด็กหนุ่มผู้เคยมีความกล้าหาญแสนบ้าบิ่นเมื่อครู่เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เขากัดปากตัวเอง มือเย็นเฉียบ

“..ฉันไม่ได้หวังอะไรหรอก แค่อยากพูดให้ฟัง.. ก็ ถ้าเก็บไปคิดก็จะดีใจมาก”ชายร่างสูงพุดด้วยตาหลุกหลิก แม้ว่าหน้าจะนิ่งแต่การกระทำก็ชัดเจนแล้วว่าเขากำลังลน มากๆ “งั้นขอตัวนะ กลับบ้านดีๆล่ะ”

ดาร์เร็นยังคงเงียบ เอม่อนจึงสาวเท้าออกมา แต่เดินไปไม่เท่าไหร่ เสียงแปร่งๆไม่แตกหนุ่มดีก็เรียกเขาไว้เสียก่อน

 

“ฉันนึกว่าแกจะขโมยจูบฉันก่อนจะวิ่งหนีกลับบ้านซะอีก”

 

เอม่อนหันกลับไปมอง เขาว่าตัวเองกำลังทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี ดาร์เร็นยกยิ้มใส่พร้อมยักคิ้วให้

เขาจึงเดินเข้าไปรั้งคอผอมนั้นไว้แล้วก้มลงไปจูบ

มือสางเข้าไปในเส้นผมนิ่มสีแดง ริมฝีปากคลอเคลียกันสักพักก่อนที่เอม่อนจะเป็นฝ่ายผละออกมา เขาหอบ ทั้งเขินทั้งมีความสุขปนเปไปหมด เลยก้มลงไปจูบหนักๆที่ปากบางนั้นอีกที

ดาร์เร็นหอบเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มให้เขาราวกับกำลังท้าทายให้ทำอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา “จูบกับคนดัดฟันรู้สึกยังไงมั่งวะ”

“..ก็..เฉยๆ..แต่รสขมแปลกๆ นายน่าจะเพลาบุหรี่ลงมั่งนะ”เอม่อนรู้สึกยังหัวเบลอไม่หาย เขายังคงจับคอดาร์เร็นไว้อยู่ ร่างสุงโน้มลงไปจูบที่โหนกแก้ม จูบหน้าผาก จูบลงเส้นผม จูบจนดาร์เร็นต้องเอามือกันไว้

“ไอ้สัด พอไม่ห้ามก็เอาใหญ่เลยนะมึง หยุดๆ”มือใหญ่จึงละออกแต่โดยดี ดาร์เร็นเอามือจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของเขาพัลวัน เอม่อนมองผลงานที่ตัวเองทำแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดุเดือดเกินไปจริงๆ อืม รู้สึกเหมือนฟัดเจ้าพวกกระต่ายเลย

“….แล้ว นายชอบฉัน?”เอม่อนเอ่ยแบบกล้าๆกลัวๆ

“หลงตัวเองสัดอ่ะ”ดาร์เร็นกล่าว เอม่อนถึงกับย่นหน้า เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวเล็กได้ดี “ก็ยังไม่ถึงขั้นความรู้สึกแบบนั้นเหมือนมึงหรอกนะ แต่มึงก็โอเค เจ๋งดี”ร่างเล็กยักไหล่ “แปลว่าที่เล่นวันนี้คือเล่นอวดกูล่ะสิท่า”

เอม่อนพยักหน้าพร้อมดันแว่นอย่างปฎิเสธไม่ออก เขารู้สึกว่าหูตัวเองแดงก่ำ ใบหน้าร้อนผ่าว “..นายนี่ยอมให้จูบง่ายจังนะ”

ดาร์เร็นยักไหล่แบบด้อนท์แคร์ “โถ รู้สึกเสียใจแล้วเหรอที่เสียจูบแรกให้คนแบบฉัน”เขาสลับสรรพนามเรียกตัวเองไปมาตามอารมณ์ เดี๋ยวหยาบ(ซึ่งปกติ)เดี๋ยวสุภาพ(ส่วนใหญ่พูดตอนกวนตีน) เอม่อนมุ่ยหน้าเล็กๆแต่ดาร์เร็นก็สังเกตเห็น เขาจึงยักคิ้วให้ ”จูบเด็กน้อยก็น่ารักดีนะพวก ไม่ต้องเขิน”

เอม่อนจึงรั้งร่างผอมมาจูบอีกครั้ง มือใหญ่ข้างหนึ่งรั้งศรีษะสวยได้รูปและเส้นผมแสนสวยเอาไว้ มือใหญ่อีกข้างจับเข้าที่ข้างเอวเล็ก รั้งร่างนั้นให้เข้าใกล้เขา

ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดปลิวมา มีใบไม้แห้งสีเหลืองปลิวมาแปะเข้าที่เส้นผมของคนตัวเล็ก ดูเข้ากันมาก ทางศิลปะคงเรียกแบบว่า คู่สี? แต่เอม่อนสลัดความคิดเปรียบเปรยเหล่านั้นทิ้งไป ให้ตนสนใจแต่สิ่งตรงหน้า

มองแต่ดาร์เร็น สิ่งมีชีวิตน่ารักอย่างไร้ที่ติที่กำลังจูบตอบเขา

ลิ้นเขาเกี่ยวเบรสที่ฟันอีกคนหลายรอบ แต่เขาก็ไม่คิดอะไร

รสจูบของดาร์เร็นมันขม รสบุหรี่คละคลุ้ง ไม่อร่อยสักนิดแต่ก็ชวนให้เสพติด

ผมสีแดงของดาร์เร็นนุ่มราวแพรไหม หนำซ้ำยังหอม มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ

มาถึงจุดนี้ เอม่อนคงเดินกลับไปยังจุดที่แค่สนใจดาร์เร็นไม่ได้แล้วสินะ

-END-

-Gift-

“ให้ฉันดูแล ต้นไม้ในมือของเธอ”

https://www.youtube.com/watch?v=I4x-qA4WYR0

222.png

 

ไม่รู้ว่าเพราะมีสถานะเป็นเพื่อนสมัยเด็กหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ทุกครั้งที่สาวเจ้าอกหัก

ของขวัญของเธอก็ต้องตกทอดมาถึงมือของเขาทุกครั้งไป

-Gift-

“อ่ะตี๋ ให้”

ดวงตาเล็กตี่เลื่อนไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบกระถางต้นไม้ที่ถูกยื่นมาแทบติดใบหน้า เจ้าของมันคือหญิงสาววัยไล่เลี่ยกันที่กำลังมีใบหน้าเรียบนิ่งจนน่ากลัว

คิ้วเรียวเลิกขึ้นตามความสงสัย

“ต้นนี้แฟนให้มาไม่ใช่เหรอมึง”

“ถ้ามึงพูดถึงแม่งอีก ต้นไม้จะไปโตบนหัวมึง”

“อ่อ”

ตี๋ละออกจากการ์ตูนโจรสลัดแล้วรับกระถางมาวางบนโต๊ะลายหินอ่อน

“ต้นอะไรอ่ะลิล”เสียงแตกหนุ่มเอ่ยถามเด็กสาวที่หลังจากยัดต้นไม้ใส่มือก็ก้าวฉับๆเดินจากไปอย่างรวดเร็วจนเขาตกใจ

“ไม่รู้โว้ย”เสียงหวานเอ่ย

“ตั้งใจซ้อมลีดล่ะ”เขาตะโกนไล่หลัง ขาเรียวสวยของดรัมเมเยอร์โรงเรียนพาดขึ้นจักรยานแม่บ้าน เธอตอบรับด้วยเสียงตะคอกก่อนจะปั่นออกไป

ทิ้งเพื่อนสมัยเด็กกับต้นไม้ที่ไม่ต้องการแล้วให้อยู่ด้วยกัน

ตี๋เกาหัวตัวเองแกร่กๆ เข้าไปนั่งอ่านการ์ตูนและทำหน้าที่เด็กเฝ้าร้านต่อพลางคิดว่าน่าจะเอาขนมปลอบใจให้เพื่อนสาวก่อนไปซะก็ดี

 

[FIC MHA]Deep Purple

FIC MY HERO ACADEMIA

TITLE:Deep Purple

RATE:AU,Angst

PAIRING:Midoriya Izuku x Bakugo Katsugi

Note:เป็นAUรีเวิร์ส(?)ของแม่เกาค่ะ เป็นAUที่จะสลับสับเปลี่ยนสีหัวและนิสัยของตลค.ในMHAแบบตรงกันข้ามกับออริจินอลทั้งหมดเลยย แล้วคัตจัง น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(ก ไก่อีกแสนแปด) น่าขย้ำขยี้ที่สุด โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ใครอยากเห็นก็ตามลิงค์พวกนี้ไปเลยยูว >> https://twitter.com/yeodeul/status/762226871450738688

https://twitter.com/Bro_KKolii/status/762281446958518272

/ขอเอามาเพียงเท่านี้เด้อ ToT ดี๊ดีป่ะล่ะ กรี๊ดดดดดดด

ไปอ่านกันโล้ย

.

บาคุโกกลัวมิโดริยะ

ดวงตาสีม่วงหม่นที่จ้องมองมามันทำให้เขารุ้สึกอึดอัด แต่ถึงกระนั้นบาคุโกก็ไม่กล้าพุดบอกไป

เขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ จนกระทั่งอายุ4ขวบ ช่วงเวลาที่อัตลักษณ์ของเด็กในวัยทุกคนจะเผยออกมา อัตลักษณ์ของบาคุโกคือน้ำ ดวงตาสีน้ำเงินมรกตฉายประกายเมื่อเห้นพลังของตน เด้กน้อยตื่นตาตื่นใจกับมันอย่างที่สุด มิโดริยะเองเมื่อเห้นเขาใช้พลังก็รู้สึกลุ้นกับอัตลักษณ์ของตนเองไปด้วย

แต่สุดท้ายแล้ว โลกก็ไม่มีความเท่าเทียมให้เด็กน้อย ผลทางการแพทย์ยืนยันอย่างชัดเจนว่ามิโดริยะ อิซึคุเป็นบุคคลไร้อัตลักษณ์

ความฝันแสนยิ่งใหญ่จบลงทั้งที่อายุเพิ่งจะย่าง5ขวบ มันทำลายจิตใจเด็กน้อยแตกเป็นเสี่ยง

นับตั้งแต่ตอนนั้น บาคุโกตัวน้อยไม่ได้สังเกตเลยว่า

รอยยิ้มที่มิโดริยะยิ้มให้นั้น ไม่เหมือนเดิม

-Deep purple-

ตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้น มิโดริยะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวอย่างเห็นได้ชัด

เพราะเค้าไร้อัตลักษณ์และท่าทางอ่อนแอ เขาจึงตกเป็นเป้าของอันธพาลในโรงเรียนอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกวี่วันเขาจะถูกรังแก แรกๆก็แค่เดินชนไหล่ พูดเหยียดหยาม นับวันมันก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนบาคุโกทนไม่ไหว

บาคุโกเคยถามมิโดริยะว่าทำไมถึงปล่อยให้ถูกรุมแกล้ง เขาอยากช่วย แต่ก็ถูกห้ามไว้

‘ผมมีวิธีแก้ปัญหาของผมเอง ไม่ต้องถึงมือคัตจังหรอก’

บาคุโกไม่เข้าใจ แต่วันนี้ก็ได้เห็นแล้ว

วันที่มิโดริยะฟิวส์ขาด

เด็กหนุ่มผู้มีอัตลักษณ์ได้แต่นั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ภายในซอกหลืบระหว่างตึกเรียน ดวงตาสีน้ำเงินมรกตเต็มไปด้วยหยดน้ำ ร่างกายเขาสั่นเทิ้ม๘ณะมองภาพแสนบ้าคลั่งของเพื่อนสมัยเด็กตรงหน้า ท่อนไม้เบสบอลเหล็กสะท้อนแสงแดดยามเย็นที่สาดส่องเข้ามา หยดเลือดสีแดงกระเด็นมาใกล้เด็กหนุ่ม บาคุโกหดขาเข้าไปกอดตัวเองแน่นมากขึ้น เขาร้องไห้จนคิดว่าจะไม่เหลือน้ำตา ภาพแสนโหดร้ายตรงหน้ามันทำเขาคลื่นเหียนอยากอ้วก นี่มันมากเกินไปสำหรับเขา

มิโดริยะหยุดมือเมื่อเห็นว่าพอแล้ว ร่างอันธพาลหลายร่างลงไปนอนร้องโอดโอย ดวงตาสีม่วงชำเลืองมองร่างเบื้องล่างด้วยสายตาเหมือนมองก้อนกรวด เขาปล่อยไม้เบสบอลลง บาคุโกคิดว่ามันจะจบลงแล้วแต่เด็กหนุ่มผมหยิกก็ลงมือเตะร่างที่กำลังบาดเจ็บอยู่อย่างแรง เตะ เตะ เตะเข้าไปซ้ำๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อยแสดงถึงความสะใจ

“…ย….หยุดเถอะ อิซึคุ!”บาคุโกร้องบอกแม้ว่าทั้งร่างจะสั่นระริก

แต่เพื่อนสมัยเด็กก็ยังไม่หยุด

“พอได้แล้ว! อิซึคุ!! เดี๋ยวพวกเขาก็ตายหรอก”

บาคุโกคิดว่าถึงเรียกไปเท่าไหร่มิโดริยะก็ไม่หยุดแล้ว เด็กหนุ่มผมดำกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ รวบรวมความกล้าสั่งขาตัวเองให้ลุกขึ้น ร่างโปร่งลุก แล้ววิ่งตรงไปหาเพื่อนสมัยเด็กที่ดูจะสติหลุดไปแล้ว มือใช้พลังสร้างน้ำก่อนจะปล่อยราดเต็มเส้นผมสีขาวแซมม่วงของอีกคน

“ฉันบอกว่าให้พอไง!! ถ้าเขาตาย นายก็จะไม่ได้เข้ายูเอย์นะ!!!!!”บาคุโกตะโกนออกไป

เมื่อได้ยินชื่อโรงเรียนที่ตนใฝ่ฝัน มิโดริยะก็หยุดลง

เด็กหนุ่มผมดำหายใจหอบ มือสั่นระริกเมื่ออีกคนหันมาฉายดวงตาสีม่วงหม่นที่อ่านไม่ออกใส่ตน เขากำลังจะเอ่ยพูดแต่เสียงห้าวของหัวโจกก็โพล่งขึ้นมาทั้งที่ร่างยังอยู่ใต้เท้าของมิโดริยะ

“…ยู…เอย์…..คนไร้อัตลักษณ์เนี่ยนะ.. จะขำตาย”

บาคุโกขนลุกซู่ ร่างกายแข็งไปทันทีที่อีกคนขยับตัวไปชกคนข้างล่างเต็มแรง เขาไม่ทันแม้แต่จะห้ามมิโดริยะด้วยซ้ำ พอรู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็จบลงแล้ว รถพยาบาลและอาจารย์ที่เขาแอบเรียกมาก็มาถึง อาจารย์หลายคนถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นสภาพสถานที่ทะเลาะวิวาท

ก่อเหตุขนาดนั้นเข้าไป มิโดริยะควรจะโดนไล่ออกไปแล้ว ไม่ใช่แค่พักการเรียน2เดือนหรอก แต่เป็นเพราะบาคุโกเองที่ช่วยพูดกับอาจารย์ไว้ นับว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากที่สุดแล้วสำหรับทุกคน แหงล่ะ ก็เล่นก่อเรื่องไว้ขนาดนั้น

แม้ว่าจะบ้านใกล้กัน แต่ตลอดเวลา2เดือน บาคุโกก็ไม่พบมิโดริยะเลยหลังเหตุการณ์นั้น

วันเวลาผ่านไป แต่บาคุโกก็สลัดภาพวันนั้นทิ้งไปไม่ได้เสียที เขาฝันร้ายเห็นมันหลายครั้ง ภาพเพื่อนสมัยเด็กหวดไม้เบสบอลเหล็กใส่อันธพาลทีละคนทีละคนยังเด่นชัดในดวงตาสีน้ำเงินของเขา ความฝันจบที่ดวงตาสีม่วงหม่นจดจ้องมาที่เขา ราวกับต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง มันน่ากลัว น่ากลัวมาก

แล้วเขาก็ตื่น

บาคุโกนอนมองเพดานในความมืด น้ำตาไหลลงข้างแก้ม เขารู้ว่าคงนอนไม่หลับแล้วจึงลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าตัวเอง ปลอบให้ร่างกายที่สั่นระริกหยุดสั่นเสียที

เขากลัวมิโดริยะ กลัวเหลือเกิน

แต่ถึงอย่างนั้น เด็กหนุ่มคนนั้นก็ยังเป็นเพื่อนเขา

แม้จะทำเรื่องโหดร้ายเช่นนั้นลงไปก็ตาม

บาคุโกสะอื้นไห้ พร่ำถามตัวเองว่าเมื่อพบหน้าอีกคนอีกครั้ง เขาจะยังทักทายมิโดริยะเหมือนเมื่อก่อนได้หรือเปล่า

TBC.

(ขอแปะแฟนอาร์ตตัวเองโด้ย UpU)

205.png

206.png

(น่ารักเนอะ /บี้ๆๆ)

(สุดท้ายนี้ คงจะมาต่อ.. ขอเวลาสักพักนะคะ จุ๊บ)

[EHW] Moo Gruntria

ehw_logo

hufflepuff_logo

“ของกินที่ดีนั่นแหละที่ช่วยทำให้เป็นจอมเวทย์ที่ดี”

“มื้อเย็นวันนี้เป็นสตูงั้นเหรอ!!?”

195.png

 

ชื่อ : มู กรันท์เธีย (Moo Gruntria)

อายุ :12ปี

บ้าน  : ฮัฟเฟิลพัฟ

ชั้นปี : ปี1

เพศ :หญิง

เผ่าพันธุ์ :เลือดผสม (พ่อเป็นมักเกิ้ล แม่เป็นแม่มด)

วันเกิด : 4 เมษายน

กรุ๊ปเลือด : O

ส่วนสูง/น้ำหนัก : 142ซม. / 62 กก.

สีผม : บลอนด์ทอง

สีตา : สีทองอมส้ม

ไม้กายสิทธิ์ : -ไม้แอปเปิ้ล

                     -เหล็กในของบิลลี่วิก

                     -ความยาว8นิ้ว ความยืดหยุ่นระดับFlexible

สัตว์เลี้ยง : นกแก้วริงค์เน็ท สีเยลโลเฮดซินนามอน ช่างพูดช่างจา ชอบกินคุกกี้กับขนมปัง

ประวัติ : เติบโตในประเทศอังกฤษ อาศัยอยู่ในบ้านในป่ากับพ่อและแม่ รู้มาแต่ต้นว่าตัวเองมีเชื้อสายแม่มดและเริ่มใช้ได้น้อยๆตั้งแต่ตอนอายุ7ขวบ ใช้ชีวิตอย่างราบรื่นท่ามกลางมักเกิ้ลและเฝ้ารอจดหมายจากฮอกวอตอยู่เสมอเพราะอยากโตขึ้นไปใช้เวทมนต์ได้เก่งๆเหมือนแม่

นิสัย: -ร่าเริงแจ่มใส

       -ค่อนข้างช่างพูด

       -ชอบกินจุบจิบ

       -ชอบลองสิ่งที่ไม่เคยทำ

สิ่งที่ชอบ: -การทำอาหาร

                -ขนมปังมันฝรั่ง

                -การได้พูดคุย

               -แสงแดด ความอบอุ่น

สิ่งที่เกลียด: -ของกินแปลกๆ

                   -การคิดคำนวณ

                  -ความมืด

วิชาที่ถนัด: -วิชาสมุนไพรศาสตร์

                  -วิชาปรุงยา

วิชาไม่ถนัด: -วิชาการบิน

อื่นๆ: -โดนเพื่อนเก่าทักเรื่องการไว้ผมยาวแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

        -ไม่คิดมากเรื่องน้ำหนักและขนาดตัว เนื่องจากถือว่าอยู่ในวัยกำลังโต

-ผปค.คุยเล่นด้วยง่ายและเป็นมิตรนะคะ 5555 ฝากด้วยนะค้า

Twitter: ผปค

Moo