FIC SING STREET
TITLE:Autumn is coming
RATE:PG-15,Romance,Comedy
PAIRING:Eamon x Darren
Note:สวัสดีค่ะ วันนี้กลับมาปัดฝุ่นด้วยฟิคSingStreetค่ะ
เกริ่นไว้ก่อนว่าจริงๆเราชอบConorEamonนะคะ5555 แต่หลวมตัวมาแต่งฟิคคู่นี้ได้ยังไงก็ไม่ทราบ//w\\ เจ้าคาร์โรแลนมันร้ายยยย ถูกใจผมสีแดงของเบน คาร์โรแลน(นักแสดงดาร์เร็น)มากๆๆๆๆจนต้องแต่งฟิคออกมาค่ะ โฮ่ๆๆๆ เป็นเคะตัวเล็กที่ถูกสเป็คมากเลยล่ะค่ะ กร๊าก ดูมีจริตจะก้านที่ทำให้เขินได้อย่างบอกไม่ถูก T//T) ก็ออกมาเป็นฟิคให้ทุกท่านได้ลองเชยชมค่ะ /พับเพียบ
ปล.รูปนี้ทำเรากรี๊ดนานมากค่ะ กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เสียผู้เสียคนนน
ปลล.รูปนี้เซฟมาจากทวิตท่านนึงค่ะ ซึ่งหาต้นทางไม่พบแล้วTAT ขออภัยด้วยค่ะ
ถ้าเจอเมื่อไหร่จะใส่เครดิตให้ทันทีนะคะ
ทุกครั้งที่เอม่อนพบดาร์เร็น เขามักจะคิดถึงบางสิ่ง
เส้นผมสีแดงแอปเปิ้ลของเขาสวยงามเสมอยามเมื่อต้องแสงแดด มันสะท้อนประกายสีสวย
สีแดง สีส้ม มันทำให้เขาคิดถึงฤดูใบไม้ร่วง
–Autumn is coming–
ครั้งแรกที่เอม่อนพบดาร์เร็นคือตอนที่เจ้าตัวถูกเด็กเกที่โรงเรียนแกล้งด้วยการเอาเขาไปขังไว้ในล๊อกเกอร์เก่าหลังเลิกเรียน เอม่อนจำได้ว่ามันน่ากลัวอย่างกับหนังเฮอเร่อ บรรยากาศพลบเพล้ เขาที่วิ่งกลับไปเอาสมุดที่ลืมไว้ สะดุดตาเข้าให้กับล๊อกเกอ์ที่มีไม้ม๊อบภารโรงกั้นเอาไว้ไม่ให้คนข้างในเปิดออกมาได้ เมื่อเขาขยับตัว รองเท้าส่งเสียงเอี๊ยดกับพื้น สิ่งที่ถูกขังในล๊อกเกอร์ก็ส่งเสียงคำราม
คำหยาบสารพัดถูกพ่นออกมาพร้อมๆกับการประทุษร้ายประตูล๊อกเกอร์จากข้างในอย่างบ้าคลั่ง เอม่อนต้องบอกให้คนข้างในนั้นใจเย็นๆไว้ก่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเย็นลง เขาจึงเอาไม้ม๊อบที่กั้นไว้ออกมา
เด็กผู้ชายผมแดงมีส่วนสูงดูต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในเครื่องแบบยู่ยี่พุ่งพรวดออกมาจากล๊อกเกอร์หลังพ้นพันธนาการ คิ้วสีแดงย่นเข้าหากันเมื่อเขามองมายังชายตัวสูงหน้าตาดูไม่ค่อยบ่จอยผู้เป็นคนช่วยเขาออกมา มือผอมปัดฝุ่นให้ตัวเองก่อนจะยื่นให้อีกคน “ขอบใจมากที่ช่วย ฉันดาร์เร็น”
เอม่อนเลิกคิ้วแล้วยื่นมือไปเชคแฮนด์กลับแบบเนือยๆตามประสาของคนแบบเขา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอีกเดี๋ยวก็ได้เวลามื้อเย็นแล้วจึงรีบขอตัวออกมา ดาร์เร็นยักคิ้วใส่เขาอีกครั้ง แล้วเอม่อนก็เดินกลับบ้าน
หลังจากเสร็จสิ้นมื้อค่ำ อาบน้ำ ทบทวนการบ้าน ตั้งสายกีต้าร์พอเป็นพิธี เล่นกับกระต่ายก่อนเข้านอน ขณะที่กำลังจ้องลูกตากลมโตของก้อนขนฟูตัวน้อยของเขา เอม่อนก็พึ่งตระหนักได้ว่าเขายังไม่ได้แนะนำตัวกับดาร์เร็นเลยนี่หว่า
จุดเริ่มต้นของเรามันก็เริ่มจากตรงนั้นนั่นล่ะ
หลังจากวันนั้น จากที่เคยเดินเข้าโรงเรียนเฉยๆก็เปลี่ยนมาเป็นล่อกแล่กมองหาใครคนหนึ่งเสมอ นั่นทำให้เอม่อนตระหนักว่า ดาร์เร็นมาโรงเรียนค่อนข้างสาย อาจะเพราะไม่อยากเจอพวกชอบแกล้งเขาที่มักจะชอบดักอยู่หน้าโรงเรียนก็เป็นได้ บางทีเขาก็พบดาร์เร็นที่โรงอาหาร สีผมของเขาค่อนข้างเด่น เอม่อนเริ่มคิดแล้วว่านี่เค้าคงเป็นพวกไม่สนใจรอบๆข้างอย่างหนักสินะ เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่รับรู้ถึงตัวตนของดาร์เร็นสักนิด
วันหนึ่งในช่วงเกือบสิ้นฤดูร้อน มื้อเที่ยงดำเนินไปตามปกติ เอม่อนเคี้ยวแซนวิชรสชาติแหยะๆอย่างเหม่อลอย ก่อนที่จะมีเสียงพวกเด็กเกก่อการทะเลาะวิวาทย่อมๆเหมือนทุกวัน วันนี้เหยื่อของพวกมันคือ ดาร์เร็น
เอม่อนไม่ทำอะไรอย่างการพุ่งพรวดเข้าไปช่วยเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาว เพราะอันดับแรก ดาร์เร็นไม่ใช่จำหญิง— และเขาค่อนข้างจะชินกับการโดนแกล้ง ปกติดาร์เร็นมักจะเลี่ยงโรงอาหาร แต่วันนี้เขากลับอยู่ที่นี่ เด็กเกหัวเกรียนผู้เป็นหัวโจกของกลุ่มหยิบแสน๊คบาร์ราคาถูกของเด็กหนุ่มผมแดงมาแกะกินพร้อมมองอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเดินออกไป อ้อใช่ เหตุผลอีกข้อที่เอม่อนคิดว่าเขาไม่สมควรเข้าไปห้ามการทะเลาะวิวาทอย่างยิ่งก็เพราะหุ่นเก้งก้างเหมือนตะเกียบของเขาเองล่ะ มองกล้ามของเจ้าพวกเด็กเกนั่นแล้ว เอม่อนยังอยากเก็บแขนและมือดีๆไว้เล่นเครื่องดนตรีอยู่
และสำคัญที่สุด อย่างที่เคยว่าไป ดาร์เร็นมีความแข็งแกร่งที่ผิดกับไซส์ตัวของเขามากๆ
เอม่อนละความสนใจออกจากแซนวิชห่วยๆ มองดาร์เร็นที่ชันตัวผอมๆให้ลุกขึ้น ถ่มเลือดในปากทิ้ง ลูบแผลที่ริมฝีปากตัวเองป้อยๆ แลบลิ้นออกมาเลียที่มุมปากแล้วส่งเสียงเจ็บเบาๆ หนุ่มตัวเล็กรู้สึกถึงสายตาหนึ่งที่กำลังมองมาที่เขา เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีใสกลมโตดูน่ารักน่าชังตวัดเจอคนตัวสูงหน้าตาน่าอ้อนเท้าที่เคยช่วยเขาเมื่อหลายๆวันก่อน
ดาร์เร็นยักคิ้วให้เขา ก่อนจะเดินเข้าไปหา
ฤดูใบไม้ร่วง สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีของใบไม้แห้งกรอบ
อาจฟังดูประหลาดที่พูดแบบนี้ แต่เอม่อนค่อนข้างชอบมันนะ ฤดูใบไม้ร่วง
(ถึงแม้ว่าจะต้องเสียเวลาเล่นกับบรรดากระต่ายมากวาดใบไม้ที่หล่นรกหน้าบ้านก็เถอะ)
เหตุผลหลักที่ดาร์เร็นถูกแกล้งก็คือ เขาตัวเล็ก ใบหน้าค่อนไปทางน่ารัก ส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ และมันชอบต่อปากต่อคำ พูดง่ายๆคือปากหมา จึงตกเป็นเป้าของการถูกแกล้งได้ง่าย
แต่ดาร์เร็นเป็นคนที่ฉลาดเป็นกรดสุดๆ ปรับตัวให้เข้าได้ทุกสถานการณ์ ฉลาดแกมโกง หัวหมอ และทุกคำที่หมายถึงความฉลาดที่ใช้ในทางเลวๆ นั่นแหละ เขาเลยเอาตัวรอดได้เสมอ ไม่ต้องให้เพื่อนตัวโย่งไปช่วยสักนิด แถมยังเอามาใช้หากินได้อีก
เอม่อนมองนามบัตรของดาร์เร็นที่เพิ่งได้รับมา หลังจากเจ้าตัวย่างสามขุมมาหาเขา นึกว่าจะพูดอะไรเสียอีก หนุ่มผมแดงกลับยื่นนามบัตรเรียบกิ๊งที่ดูเป็นทางการสุดๆให้เขา ‘มีปัญหาอะไรก็ติดต่อมาทางนี้นะ จะเรื่องโดนพวกเวรนั่นแกล้งหรืออะไรก้ได้ เลี้ยงแมว เก็บอึกระต่าย ช่วยตากผ้า เงินมาเป็นพอ เค๊’ เอม่อนทำหน้าเหลอหลาขณะพยักหน้าอัตโนมัติ ‘งั้นก็ ดีล’ ริมฝีปากสีชมพุอ่อนยกยิ้มขึ้นก่อนที่ร่างโปร่งจะหมุนตัวหันหลังแล้วเดินออกไป
เด็กหนุ่มตัวสูงโย่งปั้นหน้าไม่ถูก(แต่คนรอบตัวก็มองไม่ออกหรอกนะ เขาหน้าตาย สุดๆ)จนเลิกเรียน จนกลับบ้าน บนโต๊ะอาหารนั้นเองเอม่อนเอานามบัตรนั้นมาพิจารณาอีกครั้ง ควรทำยังไงกับมันดีล่ะ
แล้วก็ เขาไม่ทันได้บอกชื่อกับดาร์เร็นอีกแล้วสิ
เอม่อนยัดสปาเก็ตตี้เข้าปากช้าๆ หัวคิดเหม่อลอยไปเรื่อย แม่เปิดพยากรณ์อากาศฟังคลอไประหว่างมื้ออาหารเย็นแสนเงียบเชียบ ผู้พยากรณ์อากาศกำลังร่ายเรื่องอากาศแต่ละภูมิภาค เอม่อนเหลือบมองอย่างไม่ค่อยสนใจ แต่เพราะอะไรก็ไม่ทราบ แบ๊คกราวด์ของรายการวันนี้เป็นสีส้ม ภาพผมสีแดงอมส้มของคนตัวเล็กก็ผุดเข้ามาในหัวเค้า เด็กหนุ่มจึงหันมาดูรายการพยากรณ์อากาศ เขาจึงทราบว่า ฤดูร้อนใกล้จะหมดลงแล้วเต็มที ไม่เกินสัปดาห์หน้า ฤดูใบไม้ร่วงก็จะมาถึง
“ใบไม้ร่วงปีนี้ก็ฝากลูกด้วยนะเอม่อน”หญิงสาววัยกลางคนคลี่ยิ้มหวานย้อยใส่ลูกชายทูนหัว
“อา รู้แล้วน่า”เอม่อนกลอกตา ยัดสปาเก็ตตี้เข้าไปเร็วๆ ตามด้วยน้ำส้มแล้วเดินขึ้นห้องนอนไปเล่นกับกระต่ายสลับกับนอนจ้องนามบัตรโง่ๆแล้วผลอยหลับไปโดยลืมอาบน้ำ
อันที่จริง แค่โทรไปตามเบอร์ที่หมอนี่ให้มาก็จบแล้วแท้ๆ
และเอม่อนก็เพิ่งรู้ว่า เขาเป็นไก่อ่อนกับเรื่องแบบนี้สุดๆ
การเข้าหาใครสักคนที่ตัวเองสนใจเนี่ย ยากจังวะ
ฤดูใบไม้ร่วงโผล่เข้ามาอย่างไม่ทันรู้ตัว ฝนตกเล็กน้อยในตอนเช้าทำให้อากาศชื้น วันนี้เอม่อนจึงได้เห็นดาร์เร็นในชุดเสื้อกันหนาวตัวโคร่ง ขาที่ก้าวเดินอยู่เลยสะดุดตกฟุตบาทที่ประตูหน้าโรงเรียน
คนผมแดงกำลังเช็คอะไรสักอย่างกับกล้องในมือ จึงไม่ได้ใส่ใจรอบตัวมาก ซึ่งนั่นก็ดี เอม่อนลูบหน้าตัวเองเรียกสติรัวๆ เขาคิดว่าตัวเองกำลังทำตัวเหมือนนางเอกซีรีย์ทางช่องที่แม่ชอบดู ..ไม่ๆ เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับดาร์เร็นแหงๆ ก็แค่สนใจ
งั้นก็เข้าไปทักเค้าสักทีสิเอม่อน
เออ ไปกันเลย
“เฮ้”เด็กหนุ่มตัวสูงสาวเท้ายาวเข้าไปหาคนตัวเล็ก คิ้วสีเดียวกับเส้นผมเลิกคิ้ว ดูไม่ประหลาดใจนักเท่าไหร่
“เฮ้”เขาทักกลับ “มีเรื่องไร”
เอม่อนหยุดชะงัก สมองเริ่มคิดหาข้อจ้างวานให้ได้ภายใน3วิ แล้วเขาก็โพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบกว่าปกติ บ่งบอกว่ากำลังข่มความตื่นเต้นอย่างมาก “อ่า เข้าใบไม้ร่วงแล้วนะ”
“เปิดหัวเรื่องได้สมกับหน้าแบบนายดีนิ”ดาร์เร็นคลี่ยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะหึ “แล้ว? อยากให้ช่วยกวาดใบไม้ที่ลานหน้าบ้านรึไง”
“นี่นายรับดูดวงด้วยรึไง แม่นมาก”เอม่อนเอ่ยอึ้งๆพลางพยักหน้า
“ระดับไหนแล้ว”ดาร์เร็นส่งเสียงหัวเราะหึขึ้นจมูก “แล้วจะให้เริ่มงานวันไหนล่ะพวก”
“ก็ดูๆก่อน.. วันไหนที่ใบไม้เริ่มร่วงสุมกัน ฉันจะโทรหาแล้วกัน”เขาพยายามพูดเสียงเนือยให้เหมือนปกติอีกครั้ง ดาร์เร็นพยักหน้าแล้วก้มดูกล้องตัวน้อยที่คล้องคอเขาอยู่อีกครั้ง
เอม่อนเลือกที่จะยืนพิงผนังอยู่ข้างเขาแทนที่จะเดินเข้าโรงเรียน ดวงตาสีใสเหลือบมองเขานิดๆแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ นิ้วผอมที่โผล่ลอดจากแขนเสื้อที่ใหญ่เกินขนาดตัวมันดู… อืม ทำเอาใจสั่นแปลกๆ ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ลูกกระต่ายขึ้นมานอนบนมือ
“นายเรียกงานที่ตัวเองทำว่าอะไรเหรอ รับจ้างสารพัดนึก?”คนตัวสูงลองเปิดบทสนทนา
“ไม่รู้ว่ะ เรียกว่า มีอะไรเรียกดาร์เร็นแล้วกัน ฉันทำได้หมดตั้งแต่ช่วยลูกแมวยันปีนเข้าห้องพักครูขโมยข้อสอบ”ดาร์เร็นตอบ “แต่ก็ไม่ค่อยมีคนเรียกใช้งานเท่าไหร่”เขาสั่นไหล
“สเกลการทำงานยิ่งใหญ่ดีนะ”เอม่อนเอ่ย
“ขอบใจ”ดาร์เร็นตอบรับ
“..แล้วก็ ฉันชื่อเอม่อนนะ ว่าจะบอกหลายครั้งแล้วแต่ลืม”เสียงเนือยของเอม่อนทำดาร์เร็นหลุดขำในลำคอ เอม่อนรู้สึกว่าใจเขากำลังพองฟู รู้สึกกระเพาะถูกอะไรสักอย่างบีบรัด มวนท้อง ปั่นป่วน ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เพราะสมองอื้ออึง(และแน่นอนว่าคนอื่นมองไม่ออกหรอกว่าเขากำลังเด๋อ เขาหน้านิ่งเสียจนน่ากลัวจริง)
“เค เอม่อน ฉันจะได้เลิกเรียกแกว่าไอ้โย่งหน้าซังกะตายได้สักที สั้นลงเยอะว่ะ”
นี่อาจเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง
แต่ฤดูใบไม้ร่วงของเอม่อนมาถึงนานแล้ว
–Special–
“ไอ้เครื่องดนตรีมหาศาลนี่เป็นของนายเหรอวะ”ในน้ำเสียงของดาร์เร็นมีความประหลาดใจผสมปนเปกับความตื่นเต้น (ผิดกับตอนเห็นสวนเลี้ยงกระต่ายของเขาที่ดาร์เร็นพูดว่า ‘น่ารักเหมาะกับนายดีนี่’ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูและขบขัน ค่อนข้างออกแนวประชดประชัน แต่เอม่อนอยากบอกเหลือเกินว่าเจ้าพวกนี้มันเหมือนนายหัวแดงมากกว่า หมายถึง นายหัวแดงน่ารักเหมือนกระต่าย)
เอม่อนพยักหน้า เขาดันแว่นขึ้น สาบานว่าไม่ได้ประหม่า น้อยครั้งมากที่เขาจะทำอะไรให้ดาร์เร็นสนใจและนี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวเล็กดูตื่นเต้นกับสิ่งของของเขา ถึงจะเล็กน้อยก็เถอะนะ
“แกต้องเล่นพวกมันไม่เป็นหมดแหง เล่นกลอง กีต้าร์ เปียโนได้พวกนี้ก็หรูแล้ว”ดาร์เร็นลองเอากีต้าร์ไฟฟ้าขึ้นมาถือ ทำท่าเหมือนเล่นพร้อมทำเสียงวู้วว้าว
“ไม่หรอก ฉันเล่นได้หมดนะ”ว่าแล้วก็เดินไปหยิบกลองรูปร่างไม่คุ้นตา เหมือนจะเป็นกลองพื้นบ้านแถบเอเชีย เขาตีเป็นจังหวะที่คิดว่าจะอวดดาร์เร็นได้ เจ้าตัวเล็กหันมาสนใจ เอม่อนรู้สึกได้ใจ
แล้วรู้ตัวอีกที เขาก็เอาเครื่องดนตรีออกมาเล่นโชว์จนหมด ดาร์เร็นลุกปรบมือแปะๆ ไม่รู้ว่าปรบมือให้ความเก่งของเขาหรือความพยายามที่โชว์มันจนหมดบ้านกันแน่ แต่ก็ทำให้เอม่อนรู้สึกสดชื่นดี
“เจ๋งดีนี่ ไม่ลองเปิดวงล่ะพวก”ดาร์เร็นถามพลางช่วยเอม่อนเก็บเครื่องดนตรีที่เอาออกมาโชว์ให้เข้าที่เดิม
เด็กหนุ่มตัวสูงสั่นหัว “ฉันเล่นเพราะมันสนุกน่ะนะ ไม่ได้เอาจริงเอาจังเท่าไหร่”
“อ้อเหรอ”ดวงตาใสกิ๊งราวลูกแล้วกลอกไปมา เอม่อนสังเกตเห็นว่าเขาดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มเหมือนใช้ความคิด “ถ้ามีความคิดอยากเล่นเมื่อไหร่ก็ชวนชั้นด้วยล่ะ”
เอม่อนเลิกคิ้ว เขาดันแว่นขึ้น “ไม่ยักกะรู้ว่านายเล่นดนตรีเป็น”
ดาร์เร็นส่ายหัว “เปล่าๆ ก็แค่ว่า ถ้านายจะทำวง ก็ต้องมีคนถ่ายวิดีโอประกอบเพลงใช่มั้ยล่า”เขาทำมือประกอบ “แล้วก็ต้องการโปรดิวเซอร์ คนดูแลวงอีก แค่คิดก็น่าสนุกแล้วว่ะ คงฆ่าเวลาได้”ไหล่ผอมยกขึ้น ดาร์เร็นยกยิ้มระหว่างครุ่นคิดนู่นนี่กับตัวเอง
“คิดการไกลเป็นบ้า ฉันบอกว่าอาจจะนะ อีกอย่างฉันเล่นแค่นเดียวจะเรียกว่าวงได้ไงวะเนี่ย”
“พวกผู้ชายบ้าดนตรีแม่งมีเยอะจะตายชัก เออ ยกเว้นชั้นคนนึง เดี๋ยวมันก็หาได้เองล่ะ”ดาร์เร็นตอบปัดๆอย่างไม่ใยดี ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ “จะมืดแล้วว่ะ ค่าจ้าง?”
มือผอมยื่นมาทางเอม่อน เขาดันแว่นอีกรอบ อีกมือนึงควานหาเงินให้ลูกจ้างกวาดใบไม้ ดาร์เร็นพิจารณาเงินในมือเขาแล้วส่งเงินเหรียญคืนให้นายจ้าง
“ค่าจ้างที่อุตส่าเล่นให้ดู”พูดพลางหัวเราะเมื่อเห็นหน้าเอ๋อจนผิดสังเกตของเอม่อน มือผอมตบไหล่คนสูงกว่าหลายเซนแล้วเดินไปสะพายเป้ที่วางไว้ก่อนจะเดินไปเปิดประตู ขณะกำลังจะเดินพ้นประตูบ้าน ร่างสูงก็สาวขายาวๆมาทันเขาเสียก่อน
“เดี๋ยวไปส่ง”พูดพลางใส่เสื้อนอกตัวเอง
“เป็นนายจ้างที่มีเซอร์วิสดีจังว่ะ”ดาร์เร็นหัวเราะ แสงช่วงโพล้เพล้สะท้อนกับเส้นผมของเขาจนเส้นผมสีแดงกลายเป็นสีส้มสะท้อนเป็นประกาย ทำเอาเอม่อนแทบหยุดหายใจ
พวกเขาเดินออกนอกรั้วบ้าน เดินไปตามทางถนนที่แทบไม่มีรถ ใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นพัดปลิวมาตามแรงลม
“กะจะเดินไปส่งถึงไหนล่ะ”ดาร์เร็นถาม
“ได้เรื่อยๆ”แล้วบทสนทนาก็จบ เอม่อนพยายามไม่เดินเร็วมาก เพราะช่วงขาของพวกเขาไม่เท่ากันแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขาอยากให้เวลานี้อยู่ต่อไปนานๆ หลังจากเดินไปสักพัก เอม่อนจึงลองเปิดบทสนทนา พูดเรื่องอะไรดี “สีผมนายเหมือนสีใบไม้พวกนี้เลย”
“ห๊ะ”ดาร์เร็นร้องด้วยน้ำเสียงประหลาดใจสุดๆจนเอม่อนสะดุ้งโหยง นี่เขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่าวะ..
“อ่า ก็นั่นไง สีแดงเหมือนสีชามะนาวเข้ม เหมือนสีผมนายเลย”เอม่อนพูดขยายความ “มัน…ฟังดูแปลกเหรอ?”
“อืมม ก็เปล่า แต่มันเพิ่งเคยได้ยินคนบอกแบบนี้นี่หว่า ฉันว่าสีผมฉันมันเหมือนสีมะเขือเทศสุก”ดาร์เร็นเอ่ยพลางสางผมเขาลวกๆ
“ผมนายไม่สีสดขนาดนั้นนะ มันแดงๆส้มๆ”เอม่อนเอ่ยขณะยื่นมือไปสางผมอีกคน “เวลาช่วงนี้ มันดูสวยมาก”
ดาร์เร็นชะงักกึกพร้อมกับหยุดเดิน ปากเผยอขึ้นแสดงถึงความอึ้งกิมกี่ “แกมันมีความศิลปินเกินไปแล้วว่ะเอม่อน พูดอะไรเข้าใจยากสัดอ่ะ”
เอม่อนกลอกตา บอกตามตรงเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความกล้ามาจากไหน แต่ถอยกลับไม่ได้แล้ว “เอาเป็นว่า ฟังง่ายๆเลยนะดาร์เร็น ฉันจะพูดครั้งเดียว”
“จริงจังสัด ออกมาเจออากาศเย็นแล้วสมองกลับเหรอ”
“จะฟังไม่ฟังเฮ้ย”
“เออเอ้า จะพูดไรก็พูด”
ดาร์เร็นยืนนิ่ง มือที่ซ่อนในเสื้อกันหนาวตัวโคร่งอยู่แล้วไปซ่อนอยุ่ในกระเป๋ากางเกงอีกที ขาผอมสั้นดูดีในกางเกงสีดำทรงกระบอก ใบหน้ามีความฉงน เส้นผมและดวงตาสะท้อนแสงแดดยามเย็น เป็นหนึ่งความงดงามที่ไม่ว่าจะดูเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ เอม่อนยืนตัวตรง มือใหญ่เหมาะกับเครื่องดนตรีทุกชนิดยกขึ้นสางเส้นผมของดาร์เร็นพร้อมกับประคองใบหน้าได้รูปของหนุ่มผมแดงเอาไว้ แก้มมันเย็น และนิ่มกว่าที่คิดไว้
ดาร์เร็นก็คงคิดว่านี่มันเกย์มากๆ ซึ่ง..คิดถูกแล้ว
“ฉันชอบพวกมัน เส้นผมสีแดงของนาย มันดูสวยงามจนละสายตาไม่ได้ แล้วพอเห็นนายที่มีผมสีแดงนี่ ฉันบอกเลยว่า ฉันคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกเลย มันดูดีมาก ดุดีสุดๆ แล้วพอนายยิ้ม โลกก็เหมือนหยุดหมุน”เอม่อนพูดรัวเหมือนตอนเค้าลองซ้อมร้องแรปตามวงดนตรีที่เคยดูผ่านโทรทัศน์ เขาเว้นช่วง หายใจลึกๆ “ฉันชอบนาย”
สิ้นเสียง เอม่อนลดมือลง กุมพวกมันแน่นๆขณะที่ดวงตาคมจับจ้องไปที่ดวงตาของอีกคน มันยังคงเต็มไปด้วยความห้าวหาญเหมือนเคย พวกเขามองตากันนานจนมีคนปั่นจักรยานผ่าน เสียงกระดิ่งเหมือนดีดนิ้วเรียกสติเอม่อน เด็กหนุ่มผู้เคยมีความกล้าหาญแสนบ้าบิ่นเมื่อครู่เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เขากัดปากตัวเอง มือเย็นเฉียบ
“..ฉันไม่ได้หวังอะไรหรอก แค่อยากพูดให้ฟัง.. ก็ ถ้าเก็บไปคิดก็จะดีใจมาก”ชายร่างสูงพุดด้วยตาหลุกหลิก แม้ว่าหน้าจะนิ่งแต่การกระทำก็ชัดเจนแล้วว่าเขากำลังลน มากๆ “งั้นขอตัวนะ กลับบ้านดีๆล่ะ”
ดาร์เร็นยังคงเงียบ เอม่อนจึงสาวเท้าออกมา แต่เดินไปไม่เท่าไหร่ เสียงแปร่งๆไม่แตกหนุ่มดีก็เรียกเขาไว้เสียก่อน
“ฉันนึกว่าแกจะขโมยจูบฉันก่อนจะวิ่งหนีกลับบ้านซะอีก”
เอม่อนหันกลับไปมอง เขาว่าตัวเองกำลังทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี ดาร์เร็นยกยิ้มใส่พร้อมยักคิ้วให้
เขาจึงเดินเข้าไปรั้งคอผอมนั้นไว้แล้วก้มลงไปจูบ
มือสางเข้าไปในเส้นผมนิ่มสีแดง ริมฝีปากคลอเคลียกันสักพักก่อนที่เอม่อนจะเป็นฝ่ายผละออกมา เขาหอบ ทั้งเขินทั้งมีความสุขปนเปไปหมด เลยก้มลงไปจูบหนักๆที่ปากบางนั้นอีกที
ดาร์เร็นหอบเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มให้เขาราวกับกำลังท้าทายให้ทำอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา “จูบกับคนดัดฟันรู้สึกยังไงมั่งวะ”
“..ก็..เฉยๆ..แต่รสขมแปลกๆ นายน่าจะเพลาบุหรี่ลงมั่งนะ”เอม่อนรู้สึกยังหัวเบลอไม่หาย เขายังคงจับคอดาร์เร็นไว้อยู่ ร่างสุงโน้มลงไปจูบที่โหนกแก้ม จูบหน้าผาก จูบลงเส้นผม จูบจนดาร์เร็นต้องเอามือกันไว้
“ไอ้สัด พอไม่ห้ามก็เอาใหญ่เลยนะมึง หยุดๆ”มือใหญ่จึงละออกแต่โดยดี ดาร์เร็นเอามือจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของเขาพัลวัน เอม่อนมองผลงานที่ตัวเองทำแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดุเดือดเกินไปจริงๆ อืม รู้สึกเหมือนฟัดเจ้าพวกกระต่ายเลย
“….แล้ว นายชอบฉัน?”เอม่อนเอ่ยแบบกล้าๆกลัวๆ
“หลงตัวเองสัดอ่ะ”ดาร์เร็นกล่าว เอม่อนถึงกับย่นหน้า เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวเล็กได้ดี “ก็ยังไม่ถึงขั้นความรู้สึกแบบนั้นเหมือนมึงหรอกนะ แต่มึงก็โอเค เจ๋งดี”ร่างเล็กยักไหล่ “แปลว่าที่เล่นวันนี้คือเล่นอวดกูล่ะสิท่า”
เอม่อนพยักหน้าพร้อมดันแว่นอย่างปฎิเสธไม่ออก เขารู้สึกว่าหูตัวเองแดงก่ำ ใบหน้าร้อนผ่าว “..นายนี่ยอมให้จูบง่ายจังนะ”
ดาร์เร็นยักไหล่แบบด้อนท์แคร์ “โถ รู้สึกเสียใจแล้วเหรอที่เสียจูบแรกให้คนแบบฉัน”เขาสลับสรรพนามเรียกตัวเองไปมาตามอารมณ์ เดี๋ยวหยาบ(ซึ่งปกติ)เดี๋ยวสุภาพ(ส่วนใหญ่พูดตอนกวนตีน) เอม่อนมุ่ยหน้าเล็กๆแต่ดาร์เร็นก็สังเกตเห็น เขาจึงยักคิ้วให้ ”จูบเด็กน้อยก็น่ารักดีนะพวก ไม่ต้องเขิน”
เอม่อนจึงรั้งร่างผอมมาจูบอีกครั้ง มือใหญ่ข้างหนึ่งรั้งศรีษะสวยได้รูปและเส้นผมแสนสวยเอาไว้ มือใหญ่อีกข้างจับเข้าที่ข้างเอวเล็ก รั้งร่างนั้นให้เข้าใกล้เขา
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดปลิวมา มีใบไม้แห้งสีเหลืองปลิวมาแปะเข้าที่เส้นผมของคนตัวเล็ก ดูเข้ากันมาก ทางศิลปะคงเรียกแบบว่า คู่สี? แต่เอม่อนสลัดความคิดเปรียบเปรยเหล่านั้นทิ้งไป ให้ตนสนใจแต่สิ่งตรงหน้า
มองแต่ดาร์เร็น สิ่งมีชีวิตน่ารักอย่างไร้ที่ติที่กำลังจูบตอบเขา
ลิ้นเขาเกี่ยวเบรสที่ฟันอีกคนหลายรอบ แต่เขาก็ไม่คิดอะไร
รสจูบของดาร์เร็นมันขม รสบุหรี่คละคลุ้ง ไม่อร่อยสักนิดแต่ก็ชวนให้เสพติด
ผมสีแดงของดาร์เร็นนุ่มราวแพรไหม หนำซ้ำยังหอม มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
มาถึงจุดนี้ เอม่อนคงเดินกลับไปยังจุดที่แค่สนใจดาร์เร็นไม่ได้แล้วสินะ
-END-
เอม่อนนนนนนน กรี๊ดดดดด
จะเมะก็เมะขึ้นอยู่นะ ตอนต้นๆ อ่านเรื่อยๆ มาก พอเริ่ม “สีผมนายเหมือนพวกนี้” เท่านั้นล่ะ อรั๊ยๆๆ
ชอบความขี้อ้อนตัวน้อยของดาร์เรนด้วย ดีย์จริงๆ ><)b
LikeLiked by 1 person
จริงๆกะจะจบตั้งแต่รู้จักกันนะคะ แต่รู้สึกอยากสนองนี๊ดตัวเองอีก 555555555 //เราคือผู้ตกหลุมปีศาจน้อยดาร์เร็นก่อนแล้วก็เรียกเอม่อนมาลงหลุมตาม 5555
LikeLike
ไม่คอร์เนอร์เอมอน หรือ เดียมาร์ค บ้างเหยอก๊ะ ❤ 😆
LikeLike
ก็อยากแต่งอยู่นะคะ แต่คงไม่มีแพลนเร็วๆนี้ หงุว _(;3JL)_
LikeLike